ในทางการแพทย์ เราจะเรียกเซลล์ไขมันว่า อะดิโพไซต์ (Adipocyte) และพบได้ทั่วไปในร่างกาย มี 2 ชนิดด้วยกัน คือ ไขมันสีขาว (White adipose tissue: WAT) และ ไขมันสีน้ำตาล (Brown adipose tissue: BAT) และพบว่า ไขมันสีขาวมีมากกว่าไขมันสีน้ำตาล
ความแตกต่างระหว่างไขมันสีขาวและไขมันสีน้ำตาล คือ
ไขมันสีขาว เป็นแหล่งเก็บพลังงานในรูปไขมันและทำหน้าที่เป็นฉนวนให้ร่างกาย พบได้มากที่สุดในร่างกายและพบได้ใต้ชั้นผิวหนังและรอบๆ อวัยวะ สามารถเปลี่ยนเป็นเนื้อเยื่อไขมันสีน้ำตาลโดยการออกกําลังกาย การสัมผัสความเย็นหรือฮอร์โมนบางชนิด
ไขมันสีน้ำตาล จะใช้เพื่อเผาผลาญพลังงานให้เป็นความร้อนและช่วยให้อยู่รอดได้ในเขตหนาว พบได้น้อยกว่าและส่วนใหญ่พบระหว่างสะบักที่ไหล่และใต้ผิวหนัง จะมีหลอดเลือดและไมโตคอนเดรียมากกว่าเนื้อเยื่อไขมันสีขาว ทําให้เห็นมีสีน้ำตาล มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าเนื่องจากช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายและป้องกันโรคอ้วน
สรุปข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไขมันสีขาวและเนื้อเยื่อไขมันสีน้ำตาล ที่น่าสนใจ ได้แก่ :
ไขมันสีขาว จะหลั่งฮอร์โมน เช่น เลปติน (Leptin) และ อะดิโปเนคติน (Adiponectin) ซึ่งควบคุมความอยากอาหาร, การเผาผลาญ และความไวของอินซูลิน
ไขมันสีน้ำตาล จะแสดงเป็นโปรตีนที่เรียกว่า uncoupling protein 1 (UCP1) ซึ่งช่วยให้ไมโตคอนเดรียผลิตความร้อนแทนพลังงานในรูป ATP
ไขมันสีน้ำตาลพบมากในทารกแรกเกิดและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เนื่องจากช่วยให้อยู่รอดและทนได้ในสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็น - ความแตกต่างระหว่างเนื้อเยื่อไขมันสีน้ำตาลและสีขาว
ทั้งไขมันสีขาวและไขมันสีน้ำตาลสามารถเปลี่ยนไปมาได้ขึ้นกับสภาวะความต้องการของร่างกาย
ไขมันสีขาวยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภท:
ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous fat) - อยู่ใต้ผิวหนังและเป็นฉนวนกันความร้อนและกันกระแทก
ไขมันรอบอวัยวะ (Visceral fat) อยู่รอบ ๆ อวัยวะและทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคเบาหวาน, โรคหัวใจและหลอดเลือด และการอักเสบ
จะเห็นได้ว่า ไขมันทั้ง 2 ชนิดพบได้ในร่างกาย แต่ที่สร้างปัญหาให้กับคนทั่วไปมากก็คือ ไขมันสีขาว! ซึ่งต้องหาทางเปลี่ยนไขมันสีขาวให้เป็นไขมันสีน้ำตาล ที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า
อ้างอิง:-