top of page

จะเริ่มธุรกิจอาหารเสริมในปี 2568 ต้องรู้อะไรบ้าง?

  • น.พ.บรรลือ
  • 1 ก.ค.
  • ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 2 ก.ค.

เริ่มธุรกิจอาหารเสริมในปี 2568 ต้องรู้อะไรบ้าง?
เริ่มธุรกิจอาหารเสริมในปี 2568 ต้องรู้อะไรบ้าง?

เจาะลึกเทรนด์ Biohacking, กฎหมายใหม่, R&D และการตลาดแบบ Results-driven ที่นักลงทุนต้องรู้


ปี 2568 คือปีทองของตลาดธุรกิจอาหารเสริม โดยเฉพาะในสาย Biohacking ที่มาแรงทั่วโลก ไม่ใช่แค่วิตามินทั่วไปอีกต่อไป แต่คือผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบเพื่อล็อกเป้าระดับ การเพิ่มประสิทธิภาพในระดับเซลล์ (Cellular Optimization) และการอัพเกรดประสิทธิภาพร่างกายโดยรวม (Performance Upgrade)


สำหรับนักลงทุนหรือเจ้าของแบรนด์ที่อยากเริ่มธุรกิจอาหารเสริมในปีนี้ บทความนี้จะพาไปรู้จักกับ 6 ปัจจัยสำคัญที่ต้องรู้ก่อนเริ่ม พร้อมงานวิจัยรองรับ และแนวทางให้คุณสร้างแบรนด์ที่แตกต่างอย่างมั่นคงในโลกของ Functional Supplement



1. เข้าใจผู้บริโภคยุคใหม่: เขาไม่ได้มองหาวิตามิน แต่ต้องการ ผลลัพธ์


ผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่ติดตาม Biohacker อย่าง Andrew Huberman, Dave Asprey หรือสาย longevity เช่น Dr. David Sinclair กำลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรม


  • พวกเขาไม่ซื้อสินค้าเพราะโฆษณา แต่จะ อ่านฉลาก ดูสารสำคัญ และค้นหางานวิจัยเอง

  • ต้องการความเข้าใจแบบ ค้นหาสาเหตุและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น (Cause & Effect): กินแล้วเห็นผลลัพธ์แบบมีเหตุผลทางชีววิทยา

  • ต้องการฟอร์มที่ดูดซึมได้จริง ไม่ใช่แค่ปริมาณสูงแต่ไร้ประสิทธิภาพ


>> อ้างอิง:




2. เทรนด์ Biohacking มาแรง: ตลาดที่โตกว่าอาหารเสริมทั่วไป


Biohacking เป็นการใช้สารอาหาร เทคโนโลยี และเครื่องมือเพื่อปรับระบบร่างกายอย่างแม่นยำ

ตัวอย่างสารยอดนิยม


  • NMN / NAD+ boosters เพื่อชะลอวัยระดับเซลล์

  • Mitochondrial Enhancers เช่น PQQ, Urolithin A

  • Cognitive Boosters เช่น Lion’s Mane, Alpha-GPC, Bacopa


>> อ้างอิง:



3. กฎหมายและข้อกำหนดใหม่จาก อย. และ FDA ที่ต้องรู้ในปี 2568


  • สารใหม่ต้องมีการยื่น Novel Food หรือ GRAS (Generally Recognized As Safe)

  • การกล่าวอ้างเชิงสุขภาพ (Health Claim) ต้องมี Scientific Substantiation

  • แนวโน้มการควบคุมสูตรที่ใช้ AI หรือ DNA-based customization


>> อ้างอิง:



4. R&D ต้องเล่นบทชี้นำ ไม่ใช่ตาม. . . สูตรต้องมีเหตุผลทางชีวภาพ


แนวทางการพัฒนาสูตรที่มีประสิทธิภาพต้องคำนึงถึง


  • กลไกการออกฤทธิ์ระดับเซลล์ (Cellular mechanism) เช่น AMPK activation, Sirtuin upregulation

  • ฟอร์มการดูดซึมสูง เช่น Liposomal, Micellar หรือ DermoSpike

  • การ Synergize: สารเสริมฤทธิ์กัน เช่น PQQ + CoQ10 + L-Carnitine



5. กลยุทธ์การตลาดแบบ ผลลัพธ์เป็นตัวขาย


  • เน้น BioMarker ที่วัดผลได้ เช่น HRV, Sleep Score

  • ใช้โปรโตคอลใช้งานร่วมกับ lifestyle เช่น Fasted Cardio + L-Carnitine

  • แชร์ผลจากกลุ่มทดลองจริง เช่น User Lab หรือ Open Beta Trial


ตัวอย่างแบรนด์ที่ทำได้ดี: Momentous, Thorne, Timeline Nutrition



6. การสร้างแบรนด์แบบ Hybrid คือ ฟิตทั้ง Branding และ Functional Science

Branding

Science

ดีไซน์ทันสมัย

มีงานวิจัยรองรับ

บอกเล่าเรื่องราว (Storytelling) "ทำไมถึงใช้..."

Lab data และ White Paper

UX (User Interface) ใช้งานง่าย

กลไกการทำงานชัดเจน

แบรนด์แนะนำ: AG1, Timeline Nutrition, Biohack Stack จากต่างประเทศ



สรุป: จะเริ่มธุรกิจอาหารเสริมปี 2568 ต้องเริ่มจาก "ผลลัพธ์ + วิทยาศาสตร์ + กลยุทธ์"


หากคุณคือ...

  • นักลงทุนที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่ขายได้จริง

  • นักพัฒนาสูตรอาหารเสริมที่อยากเข้าสู่ตลาดนวัตกรรม

  • เจ้าของแบรนด์ที่อยากรีแบรนด์อย่างมีแก่น


ปีนี้คือโอกาส เพราะตลาดกำลังเปิดรับของจริง ที่มีทั้งผลลัพธ์ วิทยาศาสตร์ และประสบการณ์ผู้ใช้ที่แตกต่าง


สนใจพัฒนาสูตรอาหารเสริมแบบ Biohacker พร้อม White Paper และผลลัพธ์ที่วัดได้? ติดต่อ Barami Lab เพื่อเริ่มต้นแบรนด์ของคุณวันนี้



Comments


bottom of page