อะพิจินีน (APIGENIN) คืออะไร? ... มีประโยชน์ช่วยชะลอวัยหรือไม่?
- dr.bunlue
- 24 ธ.ค. 2566
- ยาว 5 นาที
อัปเดตเมื่อ 22 ม.ค. 2567

คุณเคยสัมผัสถึงความสงบจากฤทธิ์ของชาคาโมมายล์หรือไม่? ถ้าเคยมาก่อน นั่นเป็นเพราะผลที่เกิดจากสารที่เรียกว่า อะพิจินีน (apigenin) ซึ่งเป็นฟลาโวนอยด์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแพทย์ยุคโบราณของมนุษย์มานานหลายศตวรรษ ที่ย้อนกลับไปตั้งแต่อียิปต์โบราณ วันนี้มีการศึกษาวิจัย apigenin ที่แสดงให้เห็นถึงบทบาทสําคัญที่สารชนิดนี้มีส่วนในการส่งเสริมพลัง, อารมณ์ที่สมดุล, และการอายุขัยที่ยืนยาวของเซลล์.
อะพิจินีน (Apigenin) คืออะไร?
Apigenin เป็นฟลาโวน ที่จัดเป็นคลาสย่อยเฉพาะของฟลาโวนอยด์ ที่รู้จักกันดีคือ ชาคาโมมายล์, tabbouleh (สลัดผักชีฝรั่งสไตล์เลบานอน) และน้ำคื่นฉ่าย เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของอาหารและเครื่องดื่มยอดนิยมที่อุดมไปด้วย apigenin เช่นเดียวกับฟลาโวนอยด์และฟลาโวนอื่นๆ apigenin ทําหน้าที่เป็นสารต้านการอักเสบและต้านมะเร็ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทําให้สารประกอบนี้ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ ความสามารถในการลดอุบัติการณ์ของโรคที่สัมพันธ์กับอายุ โดยการส่งเสริมให้เกิดกระบวนการ Cellular Apoptosis
แม้ว่าพืชและชาที่อุดมด้วย apigenin จะมีบทบาทสําคัญในวัฒนธรรมของมนุษย์มานานหลายศตวรรษ แต่ก็จําเป็นต้องมีการทดลองทางคลินิก เพื่อให้เข้าใจถึงประสิทธิภาพ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และปริมาณที่เหมาะสมของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร apigenin.
ปัจจุบันพบว่า การบริโภค apigenin เป็นที่แพร่หลาย ดอกคาโมมายล์ซึ่งเป็นแหล่งที่พบ apigenin ได้มาก มีการยอมรับอย่างเป็นทางการว่า เป็นยารักษาโรคอย่างน้อยใน 26 ประเทศรวมทั้ง เยอรมนี, เบลเยียม, ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ การใช้ดอกคาโมมายล์ยังระบุไว้ในเอกสารขององค์การอนามัยโลกเรื่องพืชสมุนไพร ที่ช่วยการรักษา อาการอาหารไม่ย่อย (R), ท้องอืด (R), นอนไม่หลับ (R), หงุดหงิด (R), การอักเสบ (R) และการติดเชื้อในช่องปาก (R)
การทำงานของ Apigenin
มนุษย์รู้จักคุณค่าทางยาของสารประกอบพืชหลายชนิด เช่น apigenin มานานหลายศตวรรษ การวิจัยสมัยใหม่ระบุว่า ฟลาโวนอยด์เหล่านี้ มีกลไกการออกฤทธิ์หลายอย่าง ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ, ต้านการอักเสบ และต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพ (R) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การวิจัย apigenin แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรักษา ที่เป็นเอกลักษณ์ของสารนี้ นั่นคือ การส่งเสริมกระบวนการตายของเซลล์ (Apoptosis), ป้องกันมะเร็ง, และลดการอักเสบ.
Apigenin ช่วยป้องกันมะเร็ง
ในการศึกษาที่ตีพิมพ์โดย Cell and Bioscience ทีมวิจัยยังเรียก apigenin ว่าเป็น "รีเอเจนต์ที่น่าสนใจสําหรับการรักษามะเร็ง" เนื่องจากความสามารถพิเศษในการปรับเส้นทางของเซลล์ (Cellular pathways) ที่สําคัญ ตัวอย่างเช่น ทีมวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า apigenin จะช่วยป้องกันการส่งสัญญาณ PI3K/AKT ที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นสิ่งสําคัญ เพราะการส่งสัญญาณที่ผิดปกติตามเส้นทางนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายของมะเร็งได้ (R)
Apigenin ยังแสดงให้เห็นถึง ฤทธิ์ต้านมะเร็ง จากการศึกษาในสัตว์ ในปี 2015 นักวิจัยพบว่า Apigenin ช่วยลดการพัฒนาการของเนื้องอกผิวหนังในหนูทดลอง โดยการปิดกั้นเอ็นไซม์ COX-2 ซึ่งเอ็นไซม์ COX-2 จะสั่งให้มะเร็งสร้างเซลล์ต้นกําเนิดมะเร็งขึ้นมา, ส่งเสริมการดื้อยา, apoptosis, ทําให้เกิดการอักเสบ และผลักดันการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง (R)
แม้ว่าการทดลองในมนุษย์จะมีน้อย แต่นักวิจัยได้ตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับฟลาโวนอยด์และการป้องกันมะเร็ง ตัวอย่างเช่น การศึกษาทางระบาดวิทยา แสดงให้เห็นถึง ความเสี่ยงที่ลดลงของโรคมะเร็งในประชากรที่กินพืชและอาหารที่อุดมด้วยสารฟลาโวนอยด์เป็นประจำ (R)
Apigenin ช่วยลดการอักเสบ
การอักเสบเชื่อว่า เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของทั้งความแก่ชราและโรคที่สัมพันธ์กับอายุ จากการวิจัยที่ตีพิมพ์โดย The Journals of Gerontology, Series A: Biological Sciences and Medical Sciences ระบบชีวภาพสําคัญ 2 ระบบที่ขับเคลื่อนการอักเสบ ได้แก่ เส้นทางการส่งสัญญาณ NF-κB และไซโตไคน์ของระบบภูมิคุ้มกัน ปรากฏว่า Apigenin ช่วยลดการอักเสบโดยออกฤทธิ์ในทั้ง 2 ระบบดังกล่าว
ประการแรก apigenin จะปรับเส้นทางการส่งสัญญาณ NF-κB ในการทําเช่นนั้น Apigenin จะช่วยป้องกันการอักเสบ และปกป้องเซลล์จากผลกระทบที่เป็นอันตรายจากความเครียดเรื้อรัง (R)
Cytokines เป็นวิธีหนึ่ง ที่เซลล์ใช้เป็นสื่อกลางให้เกิดการอักเสบ โปรตีนที่มีเอกลักษณ์เหล่านี้ สามารถทําให้เกิดการอักเสบได้ โดย Apigenin จะลดการแสดงออกของไซโตไคน์ดังกล่าว, รวมทั้ง IL-1β, IL-2, IL-6, IL-8, and TNF-α.
นอกจากนี้ ให้พิจารณาว่า ยาต้านการอักเสบกลุ่ม (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ทำงานได้โดยการยับยั้ง COX-2 (R) Apigenin แสดงให้เห็นถึงกลไกการออกฤทธิ์และผลกระทบที่เหมือนกันในสัตว์ทดลอง ซึ่งถือเป็นยาต้านการอักเสบตามธรรมชาติชนิดหนึ่ง (R)
Apigenin ช่วยเพิ่มระดับ NAD เพื่อสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น
Nicotinamide adenine dinucleotide (NAD) เป็นสารเคมีที่จําเป็นต่อสุขภาพและช่วยให้อายุยืน จากการวิจัยเรื่องอายุยืน ทำให้เรารู้บทบาทสำคัญ 4 เรื่องของ NAD ที่สัมพันธ์กับอายุ ดังนี้:
NAD จําเป็นต่อการเผาผลาญของเซลล์และการซ่อมแซม DNA
เมื่ออายุมากขึ้น ระดับ NAD จะลดลงตามธรรมชาติ
เมื่อระดับ NAD ลดน้อยลง อุบัติการณ์ของโรคที่เกี่ยวข้องกับอายุจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
การเพิ่มระดับ NAD อาจป้องกันโรคและยืดอายุขัยได้
อย่างไรก็ตาม เวลาไม่ใช่ศัตรูตัวเดียวของ NAD, ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ ยังมีบทบาทในการย่อยสลาย NAD ภายใต้เงื่อนไขบางประการ เช่น เซลล์เม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า แมคโครฟาจ (Macrophage) จะผลิตเอนไซม์ที่เรียกว่า CD38 ที่สามารถทำลาย NAD ได้ เมื่อปล่อยทิ้งไว้ CD38 จะทําให้ระดับ NAD ลดน้อยลงเรื่อยๆ และอาจทําให้เกิดการอักเสบ, เกิดความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันและการเสื่อมสภาพของระบบประสาท
Apigenin สามารถช่วยเรื่องนี้ได้ จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า Apigenin ช่วยยับยั้งการผลิต CD38 (R) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยรักษาระดับ NAD ไว้ได้
Apigenin ส่งเสริม Apoptosis (การตั้งโปรแกรมตายของเซลล์)
การตายของเซลล์ (Apoptosis) เป็นกระบวนการตายของเซลล์ที่ตั้งโปรแกรมไว้ การตายของเซลล์ประเภทนี้ถือเป็นเรื่องปกติ ในความเป็นจริง ถ้าเซลล์ไม่สามารถเกิด apoptosis ได้ เชื่อว่าจะเป็นสาเหตุสําคัญของการแก่ชราก่อนวัย, โรค neurodegenerative และมะเร็ง (R) ตามมาได้
จากบทความปี 2017 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Cell and Bioscience Apigenin อาจส่งเสริมการตายของเซลล์และปูทางสําหรับกระบวนการอายุยืน (R) ที่สําคัญรวมถึง:
Cell autophagy– กระบวนการที่เซลล์ที่มีสุขภาพดี ใช้ทําความสะอาดภายในเซลล์เองและกำจัดชิ้นส่วนเล็กๆ ในเซลล์ (ออร์แกเนลล์) ที่เสียหาย (ขยะ) และเกิดการสร้างออร์แกเนลล์ใหม่ขึ้นมาแทน จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคได้
ยับยั้งการเคลื่อนย้ายของเซลล์และการบุกรุก ซึ่งจะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเนื้องอก
ผู้ทำวิจัย อธิบายเพิ่มเติมว่า กลไกเหล่านี้ขับเคลื่อน ด้วย apigenin ที่มีผลต่อเส้นทางการส่งสัญญาณต่อไปนี้:
เส้นทางที่เกิดในเซลล์ คือ PI3K/AKT, AK/STAT, และ MAPK/ERK ซึ่งจะช่วยควบคุมภูมิต้านทาน, การแบ่งเซลล์ และกระบวนการ apoptosis
NF-κB pathway ซึ่งปรับการตอบสนองของเซลล์ต่อความเครียดจากสิ่งแวดล้อม
Apigenin ลดความรู้สึกของภาวะซึมเศร้า
สารประกอบในพืช ถูกนํามาใช้ในการรักษาภาวะซึมเศร้าเป็นเวลาหลายพันปี ตามที่ระบุไว้ในวารสาร Current Pharmaceutical Biotechnology ความสามารถของสารประกอบในพืชเหล่านี้ จะช่วยปรับกิจกรรมของเซลล์, ลดความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน และลดการอักเสบ ทําให้สารประกอบเหล่านี้เอื้อต่อกันในการป้องกันภาวะซึมเศร้า (R)
ในบทความปี 2013 ที่ตีพิมพ์โดย Expert Opinion on Investigational Drugs, Apigenin เป็นหนึ่งในสารที่นักวิจัยเรื่องโพลีฟีนอลหลายคนรู้ว่า เป็นสารสำคัญที่ช่วยในการรักษาภาวะซึมเศร้าได้ดี (R) ยังมีสารอื่นๆ ด้วยได้แก่ เคอร์คูมิน เคอร์เซติน และเรสเวอราทรอล
ในปี 2016 การศึกษาในสัตว์หลายชนิดแสดงให้เห็นถึงความสามารถของ apigenin ในการลดอาการซึมเศร้า ตัวอย่างหนึ่งที่โดดเด่น และได้รับการตีพิมพ์ใน European Journal of Pharmacology ซึ่งเป็นการศึกษาที่ผู้เขียนเชื่อว่า "ได้รับการยืนยันอย่างหนักแน่นถึงสรรพคุณที่คล้ายกับยากล่อมประสาทของ apigenin" ในหนูทดลอง (R) ที่น่าสนใจคือ นักวิจัยสามารถเชื่อมโยงผลของ apigenin กับการควบคุม neurotrophic factor ที่ได้จากสมอง (BDNF) ในสมองส่วนฮิบโปแคมปัส
Apigenin ช่วยลดคอเลสเตอรอล และป้องกันความอ้วน
จากงานวิจัยพบว่า Apigenin ช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL ได้ ในขณะที่ยังลดการควบคุมยีนบางตัวที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน (R) ซึ่งแสดงให้เห็นจากการศึกษาในหนูทดลอง ที่ได้รับอาหารที่มีไขมันสูงเพื่อกระตุ้นให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น หนูถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่หนึ่งให้อาหารที่มีไขมันสูงและอีกกลุ่มหนึ่งให้อาหารเดียวกันพร้อมกับ apigenin 0.005% ในกลุ่มที่เสริมด้วย apigenin นักวิจัย เห็นการลดลงของไขมันในเลือด, คอเลสเตอรอลรวม (Total Cholesterol) และการยับยั้งยีน lipolytic และยีน lipogenic
แม้ว่าจําเป็นต้องมีการทดลองในมนุษย์เพิ่มเติม แต่การยับยั้งยีน lipolytic ของ apigenin เป็นสัญญาณที่ดี ในการทดลองทางคลินิกนักวิจัยได้สร้างความเชื่อมโยงระหว่างยีนเหล่านี้กับโรคอ้วน โดยเฉพาะการยับยั้งยีน lipolytic ที่พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงของโรคอ้วน โดยการปรับปรุงความไวของอินซูลินในการเผาผลาญกลูโคส (R)
Apigenin อาจจะช่วยป้องกันการเพิ่มน้ำหนัก, โรคอ้วนและปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องทางอ้อม มีการเชื่อมโยงที่ดี ระหว่างภาวะซึมเศร้าและการเพิ่มน้ำหนัก (R) จากความสามารถในการบรรเทาภาวะซึมเศร้า, apigenin อาจป้องกันการเพิ่มน้ำหนัก โดยการรักษาอารมณ์ให้คงที่และลดอาการซึมเศร้า อย่างไรก็ตาม จําเป็นต้องมีการศึกษาในมนุษย์เพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าว
Apigenin ช่วยป้องกันความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน
การศึกษาจํานวนมากแสดงให้เห็นถึงบทบาทของ apigenin ในการส่งเสริมสุขภาพของเซลล์และอายุยืน ผ่านคุณสมบัติการต่อต้านอนุมูลอิสระ หนึ่งในการศึกษาดังกล่าวที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Immunopharmacology and Immunotoxicology ฉบับเดือนมิถุนายน 2016 ในการศึกษานี้ หนูที่แสดงสัญญาณของการติดเชื้อพบว่า การอักเสบลดลง และ การทําให้ค่าชี้วัดความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นเป็นปกติ เมื่อได้รับการรักษาด้วย apigenin ก่อนมีอาการ (R) นอกจากนี้ นักวิจัยทราบว่า หนูที่ได้รับการรักษาด้วย apigenin ยังพบการเพิ่มขึ้นของ Cytokine IL-10 ที่ช่วยต้านการอักเสบ
ยังพบด้วยว่า Apigenin จะแสดงศักยภาพในการต้านอนุมูลอิสระแบบเดียวกับในมนุษย์ ในการทดลองทางคลินิกในปี 2016 สารประกอบนี้ ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากรังสี UVA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (R) ผู้เขียนระบุว่า สิ่งนี้มีศักยภาพในการต้านอนุมูลอิสระของ apigenin ซึ่งช่วยรักษาความหนาแน่นของผิว, ความยืดหยุ่นและลดร่องความลึกของริ้วรอยขนาดเล็กได้
Apigenin ช่วยบรรเทาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)
พบว่า Apigenin ช่วยลดอาการของโรคข้ออักเสบ แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะยอมรับว่ากลไกการออกฤทธิ์จะยังไม่ชัดเจน ในปี 2019 เมื่อนักวิจัยตรวจสอบผลของ apigenin ต่อโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ในหนูทดลอง ในการศึกษาพบว่า apigenin ช่วยบรรเทาอาการโดยการยับยั้ง synovial hyperplasia, angiogenesis และ osteoclastogenesis ซึ่งเป็นจุดเด่น 3 ประการของโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ (R) ความสามารถของ Apigenin ในการควบคุมปัจจัยการเจริญเติบโต VEGF และ VEGFR ที่มีบทบาทสําคัญต่อผลลัพธ์ในการทดลองนี้ เรื่องนี้ จําเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบว่า apigenin จะให้ผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกันกับในมนุษย์หรือไม่
Apigenin ช่วยรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune Disease)
โรคแพ้ภูมิตัวเอง เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันโจมตีตัวเอง โดยทั่วไป ภูมิคุ้มกันจะใช้เพื่อการป้องกันตัวเองจากสารแปลกปลอม คาดว่าชาวอเมริกันมากกว่า 23 ล้านคน จะมีปัญหากับภาวะดังกล่าว ซึ่งรวมถึงอาการต่างๆ ของโรคนี้ เช่น โรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์และ Celiac disease (R) เป็นต้น
การวิจัยทางการแพทย์สมัยใหม่ได้มองไปที่ โพลีฟีนอลและ ฟลาโวนอยด์มากขึ้น เพื่อใช้ในการรักษาโรคดังกล่าว เนื่องจากความเป็นพิษและความทนทานของสารประกอบดังกล่าวค่อนข้างน้อย จากการตรวจสอบอย่างเป็นระบบของ apigenin และฟลาโวนอยด์ที่น่าสนใจอีก 4 ชนิด นักวิจัยสรุปว่า สารประกอบดังกล่าวมี "ศักยภาพอย่างมาก" เนื่องจากคุณสมบัติการต่อต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบ (R)
จากงานวิจัยในปี 2014 ที่พบว่า apigenin ช่วยปกป้องหนูจากการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่เกิดจากการแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune myocarditis) ในหนูที่ได้รับการรักษาด้วย apigenin เพียง 21 วัน จากการศึกษานี้ นักวิจัยทราบว่า apigenin ลดการเจริญเติบโตที่มากเกินไปของหัวใจ (Cardiac Hypertrophy) และการทำงานของหัวใจที่ผิดปกติในหนูอย่างมีนัยสําคัญ ซึ่งจะช่วยบรรเทาการตอบสนองของภูมิต้านทานที่ผิดปกติ นอกจากนี้ ยังพบว่า apigenin สามารถลดการตอบสนองของภูมิคุ้มกันโดยการลดไซโตไคน์ที่ทําให้เกิดการอักเสบ
Apigenin ช่วยป้องกันโรคเส้นประสาทเสื่อม
เป็นที่รู้กันดีว่า ฟลาโวนอยด์บางชนิดช่วยส่งเสริมการพัฒนาเซลล์ การเพิ่มจํานวน และการเชื่อมต่อเครือข่าย ที่เรียกกันว่า neural plasticity ซึ่งจะมีกลไกการออกฤทธิ์หลายอย่าง รวมถึงความสามารถของฟลาโวนอยด์ อย่างเช่น apigenin ที่จะช่วยปรับการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน และเอสโตรเจนจะส่งเสริมให้มีการสร้างเซลล์ประสาทใหม่ (neurogenesis) เกิดขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็ยังทําหน้าที่เป็นสารป้องกันระบบประสาท (neuro-protectant) นักวิทยาศาสตร์กําลังศึกษาประสิทธิภาพของ apigenin ในการส่งเสริมสุขภาพของระบบประสาทและการช่วยเรื่องอายุยืนมากขึ้น
โรคพาร์กินสัน จนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่มีวิธีรักษาโรคพาร์กินสันที่ได้ผลชัดเจน คาดว่าโรคนี้ ส่งผลกระทบต่อผู้คนมากกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก (R) พาร์กินสันเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 14 ในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าโรคนี้จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตก็ตาม (R) นักวิทยาศาสตร์กําลังศึกษาสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ เช่น apigenin มากขึ้น เพื่อนำมาใช้รักษาภาวะความเสื่อมของระบบประสาท
จากการศึกษาในระดับเซลล์ นักวิจัยในบราซิลพบว่า apigenin ช่วยในการสร้างเซลล์ประสาทใหม่และการเชื่อมต่อเส้นประสาทหลังจากจับกับตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจนในเซลล์ต้นกําเนิดของมนุษย์ ซึ่งทำให้นักวิจัยเชื่อว่า apigenin อาจจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเซลล์ประสาท, การแพร่กระจายและเครือข่ายของสมอง เอสโตรเจนเป็นที่รู้จักกันว่า มีผลป้องกันระบบประสาท (R) ด้วยเหตุนี้นักวิจัยจึงเชื่อว่า apigenin อาจช่วยป้องกันการเกิดของโรค neurodegenerative
โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) ภาวะสมองเสื่อมเป็นโรคทางระบบประสาทที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คน 55 ล้านคนทั่วโลก (R) ประมาณ 50-75% ของผู้ป่วยถูกจัดเป็นโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นภาวะสมองเสื่อมชนิดหนึ่ง มีลักษณะที่โดดเด่นคือ การสูญเสียความจํา, การพูดและความสามารถในการตัดสินใจ เช่นเดียวกับโรคพาร์กินสัน
จากการรีวิวงานวิจัยในปี 2020 นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า apigenin เป็นสารที่มีศักยภาพในการชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ โดยทําหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและสารที่ช่วยเพิ่มความรู้ความเข้าใจ (R) นักวิทยาศาสตร์พบว่า apigenin มีคุณสมบัติ "Anti-amyloidogenic" ซึ่งหมายความว่า สามารถป้องกันการก่อตัวของคราบอะไมลอยด์ (Amyloid plaque) ที่เป็นต้นเหตุทําให้เกิดโรคอัลไซเมอร์
ในการรีวิวทางคลินิก นักวิจัยได้ข้อสรุปที่คล้ายกัน หลังจากสรุปการทดลองทั้งสัตว์และมนุษย์ว่า apigenin เป็นการรักษาที่มีศักยภาพซึ่งจะช่วยชะลอการเกิดของโรคอัลไซเมอร์
Apigenin ช่วยในการรักษาไมเกรน
ในการทดลองทางคลินิกแบบสุ่ม นักวิจัยได้ทดสอบผลของสารสกัดดอกคาโมมายล์ที่มี apigenin 0.233 มก./กรัม (ของสารสกัด) และยาหลอก ที่น่าสนใจคือ การศึกษานี้เป็นการดําเนินการทดลองแบบ "Crossover"
มีผู้เข้าร่วมทดลองกลุ่มแรก 38 คน ได้รับสารสกัดดอกคาโมมายล์ก่อน จากนั้นก็ตามด้วยยาหลอก ในกลุ่มที่สองผู้ป่วย 34 ราย ได้รับยาหลอกก่อน จากนั้นจึงตามด้วยสกัดดอกคาโมมายล์ ตลอดการทดลอง มีการวัดอาการไมเกรน เช่น ความเจ็บปวด, คลื่นไส้อาเจียน, กลัวแสง (ความรู้สึกไม่สบายตาที่เกิดจากแสงจ้า) และ phonophobia (กลัวเสียง) ผลลัพธ์แสดงให้เห็นถึง การลดอาการแต่ละชนิดลงอย่างมีนัยสําคัญ หลังจากได้รับสารสกัดจากดอกคาโมมายล์ (R)
Apigenin ช่วยเรื่องการนอนหลับ
Apigenin เป็นที่รู้จักกันดีเรื่องช่วยการนอนหลับ ในรูปแบบ ชาคาโมมายล์ แม้จะมีหลักฐานมากมายที่ชี้ให้เห็นว่า ชาที่อุดมด้วย apigenin เช่น ดอกคาโมมายล์สามารถกระตุ้นให้นอนหลับได้ แต่ก็ยังขาดการทดลองในมนุษย์เพื่อสนับสนุนเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาในปี 2012 ที่ตีพิมพ์โดย Archives of Pharmacal Research แสดงให้เห็นว่า apigenin ช่วยเพิ่มทั้งอัตราการนอนหลับและระยะเวลาการนอนหลับในหนูทดลองได้ (R)
เมื่อเร็วๆ นี้ มีการทดลองในมนุษย์ที่สัมพันธ์กับโพลีฟีนอล เช่น apigenin กับคุณภาพการนอนหลับ การศึกษานี้ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients ระบุว่า ผู้ที่รับประทานอาหารที่อุดมด้วยสารโพลีฟีนอลและฟลาโวนอยด์ เช่น Apigenin จะช่วยให้คุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น (R)
Apigenin ช่วยเพิ่มฮอร์โมน Testosterone
Testosterone เป็นฮอร์โมนเพศชาย ได้รับการยอมรับว่า เป็นหนึ่งในฮอร์โมนที่สําคัญที่สุดในร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ, การสลายไขมัน, เพิ่มระดับพลังงาน และเพิ่มความต้องการทางเพศ (Libido) แต่ก็น่าเสียดายที่เมื่อเราอายุมากขึ้นและเนื่องจากไลฟ์สไตล์ มีผลทำให้การผลิตฮอร์โมนนี้ลดน้อยลง
มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่า การรับประทานอาหารเสริม Apigenin จะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมน testosterone ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสมรรถภาพในการรับรู้ ความเข้าใจและสมรรถภาพทางร่างกาย การศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในปี 2011 แสดงให้เห็นว่า Apigenin เพิ่มการผลิตฮอร์โมน testosterone ในหนูอย่างมีนัยสําคัญ (R) แม้ว่าการศึกษานี้ จะทำในหนูทดลอง แต่สิ่งสําคัญคือ ต้องเน้นย้ำว่า มนุษย์และหนูเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีลักษณะทางชีวภาพที่คล้ายกัน ดังนั้นแม้ว่า ผลลัพธ์จะไม่สามารถนำไปใช้แทนกันได้โดยตรง แต่การศึกษานี้ เป็นสัญญานที่ดี และจําเป็นต้องมีการทดลองในมนุษย์เพื่อยืนยันอีกครั้ง
Apigenin ช่วยขยายผลของฮอร์โมน testosterone โดยการยับยั้ง aromatase และ 17B-HSD ซึ่งมีความสัมพันธ์อย่างมากกับอัตราฮอร์โมน testosterone ที่เพิ่มขึ้นต่อการแปลงฮอร์โมนเอสโตรเจน (R) นอกจากนี้ ประสิทธิภาพที่ได้รับการยืนยันแล้วของ Apigenin ในการลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (R) ลง, ช่วยบูสต์เพิ่มฮอร์โมน testosterone ได้ เนื่องจากระดับฮอร์โมนความเครียดที่เพิ่มขึ้นนี้จะสัมพันธ์กับระดับฮอร์โมน testosterone ที่ต่ำกว่า
Apigenin ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
ตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ Apigenin จะช่วยเพิ่มฮอร์โมน testosterone และลดระดับคอร์ติซอลลง ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมแบบ anabolic (ส่งเสริมการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ) ในร่างกาย
มีการศึกษาเพิ่มเติมแสดงให้เห็นว่า การรับประทานอาหารเสริม apigenin เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ โดยการเพิ่มการควบคุมเส้นทางต่างๆ เช่น Prmt7 และทําให้อัตราการสังเคราะห์โปรตีนของกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ (R) การศึกษานี้ยังพบว่า Apigenin กระตุ้น mTOR pathway ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อโดยการควบคุมการแสดงออกของ Insulin-like Growth Factors 1 & 2
Apigenin ช่วยเสริมสร้างผิวหนังและเส้นผม
นอกเหนือจากประโยชน์ในการเสริมสร้างสมรรถภาพทางจิตใจและร่างกายแล้ว Apigenin ยังมีข้อได้เปรียบด้านความงามอีกด้วย
ประการแรก จากงานวิจัยของ Huh และเพื่อนร่วมงาน (R) แนะนําว่า Apigenin ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมผ่านทางกลไกของ TGF-beta1gene ประการที่สอง Apigenin มีประสิทธิภาพในการรักษาผิวอักเสบและมีฤทธิ์ป้องกันรังสียูวีตามธรรมชาติ นอกจากนี้ การวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า Apigenin ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันภายนอกของผิว (R)
อาการข้างเคียงและความเสี่ยงต่อสุขภาพของ Apigenin
สำหรับเรื่องความเสี่ยงต่อสุขภาพและผลข้างเคียงของ apigenin ควรมีการทำวิจัยและศึกษาให้มากขึ้นกว่านี้
นอกจากนี้ ผลกระทบระยะยาวของการรับประทานเสริม apigenin ส่วนใหญ่ยังไม่ได้สํารวจกันอย่างจริงจัง ดังนั้นจึงควรใช้ความระมัดระวังเมื่อทานอาหารเสริม apigenin เป็นเวลานาน
ชาคาโมมายล์ เป็นที่ทราบกันดีว่า ทําให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่อไปนี้เมื่อใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์, ยาและยาตามใบสั่งแพทย์ (R):
ยาละลายลิ่มเลือด (สารกันเลือดแข็งตัวและต่อต้านเกล็ดเลือด): อาจเพิ่มความเสี่ยงของการมีเลือดออก
ยาความดันโลหิต: อาจทําให้ความดันโลหิตลดลงอย่างฉับพลัน
ยารักษาโรคเบาหวาน: อาจเพิ่มความเสี่ยงของน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)
การรักษาด้วยฮอร์โมน: เนื่องจาก Apigenin จะจับกับตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งทำให้ apigenin อาจจะรบกวนการรักษาด้วยฮอร์โมนบางอย่างได้ เช่น nolvadex
ยาอื่นๆ ที่ขับออกที่ตับ: อาจทําให้เกิดปฏิกิริยากับ fexofenadine, statins, ยาคุมกําเนิดและยาต้านเชื้อราบางชนิด
ยาระงับประสาท เช่น แอลกอฮอล์ และยากล่อมประสาท (ดูด้านล่าง)
Apigenin ช่วยให้รู้สึกสงบ ดังนั้นผู้ที่ใช้ยาระงับประสาท ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง apigenin อาจเพิ่มผลกระทบของสิ่งต่อไปนี้**:
ยาต้านอาการชักเช่น Dilantin และ Depakote
Benzodiazepines เช่น Xanax และ Valium
ยาช่วยการนอนหลับ เช่น Ambien, Sonata, Lunesta,และ Rozerem
ยาต้านอาการซึมเศร้า (Tricyclic antidepressants), เช่น Elavil
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น beer, wine, และ liquor
Apigenin พบในอาหารอะไร?
Apigenin เกิดขึ้นตามธรรมชาติใน สมุนไพร ผัก และเครื่องดื่มที่หลากหลาย แหล่งอาหารที่พบบ่อยที่สุด (R) ได้แก่ :
สมุนไพร เช่น parsley, cilantro, basil, oregano, saw thistle leaves, chives, corn poppy, crown daisy, fennel, hartwort, horseradish, peppermint, perilla, Queen Anne’s lace, rosemary, และ thyme
ผักเช่น celery, carrots, artichokes, beets, Brussels sprouts, cabbage, cauliflower, kohlrabi, kale, Lettuce, green peas, hot และ sweet peppers, rutabagas, spinach, และ water spinach
เครื่องดื่ม เช่น chamomile tea, red wine, และ เบียร์
แหล่งที่มี Apigenin มากทึ่สุด (R) เช่น:
Dried parsley (45,035 μg/g)
Dried chamomile flower (3,000 to 5,000 μg/g)
Celery seeds (786.5 μg/g)
Vine spinach (622 μg/g)
Chinese celery (240.2 μg/g)
ส่วนพืชที่นิยมนำมาสกัดเอา apigenin จะได้มาจากพืช Matricaria recutita L (Chamomile) ซึ่งจัดอยู่ใน Asteraceae (daisy) family ในอาหารและสมุนไพร จะพบ apigenin อยู่ในฟอร์มที่เสถียร คือ apigenin-7-O-glucoside (R)
Apigenin ขนาดที่แนะนำ
มีการใช้ Apigenin ในปริมาณที่แตกต่างกัน เพื่อต้องการผลลัพธ์ทางคลินิกที่ต่างกันและแม้ในปริมาณที่สูง เช่น 1500 มก./วัน ก็ยังไม่มีรายงานความเป็นพิษ
ในการวิจัยทางคลินิก การใช้ปริมาณที่สูงขึ้นเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับเงื่อนไขเฉพาะของแต่ละการทดลอง แต่ก็ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในขณะนี้ เช่น ไม่มีขนาด Apigenin ที่แน่นอนสําหรับการเพิ่ม testosterone ที่ใช่้ในการทดลองกับมนุษย์ในงานวิจัยปัจจุบัน Apigenin ขนาด 50 mg ถึง 400 mg/วัน เป็นปริมาณที่ใช้ในอาหารเสริมส่วนใหญ่ในตลาด เพราะแค่ในผักชีฝรั่งแห้งก็มีปริมาณ apigenin 45 มก. ต่อกรัม ปริมาณขนาดนี้ จึงน่าจะปลอดภัยและเหมาะสม
#drbunlue #NMP #NMN #NAD #ChapaGroupAndMadePhuwiang #ย้อนวัยไปกับ_drbunlue #antiaging #ชะลอวัย #สุขภาพดี #tiktokสุขภาพ #ลืมป่วย #healthy #healthycare #healthyfood #ดูแลสุขภาพ #มณีแดง #RedGem #Apigenin
Comments