อะพิจินีน (APIGENIN) คืออะไร? ... มีประโยชน์ช่วยชะลอวัยหรือไม่?
top of page

อะพิจินีน (APIGENIN) คืออะไร? ... มีประโยชน์ช่วยชะลอวัยหรือไม่?

อัปเดตเมื่อ 22 ม.ค.


อะพิจินีน (APIGENIN) คืออะไร? ... มีประโยชน์ช่วยชะลอวัยหรือไม่?
อะพิจินีน (APIGENIN) คืออะไร? ... มีประโยชน์ช่วยชะลอวัยหรือไม่?

คุณเคยสัมผัสถึงความสงบจากฤทธิ์ของชาคาโมมายล์หรือไม่? ถ้าเคยมาก่อน นั่นเป็นเพราะผลที่เกิดจากสารที่เรียกว่า อะพิจินีน (apigenin) ซึ่งเป็นฟลาโวนอยด์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแพทย์ยุคโบราณของมนุษย์มานานหลายศตวรรษ ที่ย้อนกลับไปตั้งแต่อียิปต์โบราณ วันนี้มีการศึกษาวิจัย apigenin ที่แสดงให้เห็นถึงบทบาทสําคัญที่สารชนิดนี้มีส่วนในการส่งเสริมพลัง, อารมณ์ที่สมดุล, และการอายุขัยที่ยืนยาวของเซลล์.



อะพิจินีน (Apigenin) คืออะไร?


Apigenin เป็นฟลาโวน ที่จัดเป็นคลาสย่อยเฉพาะของฟลาโวนอยด์ ที่รู้จักกันดีคือ ชาคาโมมายล์, tabbouleh (สลัดผักชีฝรั่งสไตล์เลบานอน) และน้ำคื่นฉ่าย เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของอาหารและเครื่องดื่มยอดนิยมที่อุดมไปด้วย apigenin เช่นเดียวกับฟลาโวนอยด์และฟลาโวนอื่นๆ apigenin ทําหน้าที่เป็นสารต้านการอักเสบและต้านมะเร็ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทําให้สารประกอบนี้ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ ความสามารถในการลดอุบัติการณ์ของโรคที่สัมพันธ์กับอายุ โดยการส่งเสริมให้เกิดกระบวนการ Cellular Apoptosis


แม้ว่าพืชและชาที่อุดมด้วย apigenin จะมีบทบาทสําคัญในวัฒนธรรมของมนุษย์มานานหลายศตวรรษ แต่ก็จําเป็นต้องมีการทดลองทางคลินิก เพื่อให้เข้าใจถึงประสิทธิภาพ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และปริมาณที่เหมาะสมของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร apigenin.


ปัจจุบันพบว่า การบริโภค apigenin เป็นที่แพร่หลาย ดอกคาโมมายล์ซึ่งเป็นแหล่งที่พบ apigenin ได้มาก มีการยอมรับอย่างเป็นทางการว่า เป็นยารักษาโรคอย่างน้อยใน 26 ประเทศรวมทั้ง เยอรมนี, เบลเยียม, ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ การใช้ดอกคาโมมายล์ยังระบุไว้ในเอกสารขององค์การอนามัยโลกเรื่องพืชสมุนไพร ที่ช่วยการรักษา อาการอาหารไม่ย่อย (R), ท้องอืด (R), นอนไม่หลับ (R), หงุดหงิด (R), การอักเสบ (R) และการติดเชื้อในช่องปาก (R)





การทำงานของ Apigenin


มนุษย์รู้จักคุณค่าทางยาของสารประกอบพืชหลายชนิด เช่น apigenin มานานหลายศตวรรษ การวิจัยสมัยใหม่ระบุว่า ฟลาโวนอยด์เหล่านี้ มีกลไกการออกฤทธิ์หลายอย่าง ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ, ต้านการอักเสบ และต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพ (R) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การวิจัย apigenin แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรักษา ที่เป็นเอกลักษณ์ของสารนี้ นั่นคือ การส่งเสริมกระบวนการตายของเซลล์ (Apoptosis), ป้องกันมะเร็ง, และลดการอักเสบ.



Apigenin ช่วยป้องกันมะเร็ง


ในการศึกษาที่ตีพิมพ์โดย Cell and Bioscience ทีมวิจัยยังเรียก apigenin ว่าเป็น "รีเอเจนต์ที่น่าสนใจสําหรับการรักษามะเร็ง" เนื่องจากความสามารถพิเศษในการปรับเส้นทางของเซลล์ (Cellular pathways) ที่สําคัญ ตัวอย่างเช่น ทีมวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า apigenin จะช่วยป้องกันการส่งสัญญาณ PI3K/AKT ที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นสิ่งสําคัญ เพราะการส่งสัญญาณที่ผิดปกติตามเส้นทางนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายของมะเร็งได้ (R)


Apigenin ยังแสดงให้เห็นถึง ฤทธิ์ต้านมะเร็ง จากการศึกษาในสัตว์ ในปี 2015 นักวิจัยพบว่า Apigenin ช่วยลดการพัฒนาการของเนื้องอกผิวหนังในหนูทดลอง โดยการปิดกั้นเอ็นไซม์ COX-2   ซึ่งเอ็นไซม์ COX-2 จะสั่งให้มะเร็งสร้างเซลล์ต้นกําเนิดมะเร็งขึ้นมา, ส่งเสริมการดื้อยา, apoptosis, ทําให้เกิดการอักเสบ และผลักดันการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง (R)


แม้ว่าการทดลองในมนุษย์จะมีน้อย แต่นักวิจัยได้ตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับฟลาโวนอยด์และการป้องกันมะเร็ง ตัวอย่างเช่น การศึกษาทางระบาดวิทยา แสดงให้เห็นถึง ความเสี่ยงที่ลดลงของโรคมะเร็งในประชากรที่กินพืชและอาหารที่อุดมด้วยสารฟลาโวนอยด์เป็นประจำ (R)


Apigenin ช่วยลดการอักเสบ

Apigenin ช่วยเพิ่มระดับ NAD เพื่อสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น

Apigenin ส่งเสริม Apoptosis (การตั้งโปรแกรมตายของเซลล์)

Apigenin ลดความรู้สึกของภาวะซึมเศร้า

Apigenin ช่วยลดคอเลสเตอรอล และป้องกันความอ้วน

Apigenin ช่วยป้องกันความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน

Apigenin ช่วยบรรเทาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)

Apigenin ช่วยรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune Disease)

Apigenin ช่วยป้องกันโรคเส้นประสาทเสื่อม

Apigenin ช่วยในการรักษาไมเกรน

Apigenin ช่วยเรื่องการนอนหลับ

Apigenin ช่วยเพิ่มฮอร์โมน Testosterone

Apigenin ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

Apigenin ช่วยเสริมสร้างผิวหนังและเส้นผม





อาการข้างเคียงและความเสี่ยงต่อสุขภาพของ Apigenin


สำหรับเรื่องความเสี่ยงต่อสุขภาพและผลข้างเคียงของ apigenin ควรมีการทำวิจัยและศึกษาให้มากขึ้นกว่านี้


นอกจากนี้ ผลกระทบระยะยาวของการรับประทานเสริม apigenin ส่วนใหญ่ยังไม่ได้สํารวจกันอย่างจริงจัง ดังนั้นจึงควรใช้ความระมัดระวังเมื่อทานอาหารเสริม apigenin เป็นเวลานาน


ชาคาโมมายล์ เป็นที่ทราบกันดีว่า ทําให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่อไปนี้เมื่อใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์, ยาและยาตามใบสั่งแพทย์ (R):


  • ยาละลายลิ่มเลือด (สารกันเลือดแข็งตัวและต่อต้านเกล็ดเลือด): อาจเพิ่มความเสี่ยงของการมีเลือดออก

  • ยาความดันโลหิต: อาจทําให้ความดันโลหิตลดลงอย่างฉับพลัน

  • ยารักษาโรคเบาหวาน: อาจเพิ่มความเสี่ยงของน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)

  • การรักษาด้วยฮอร์โมน: เนื่องจาก Apigenin จะจับกับตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งทำให้ apigenin อาจจะรบกวนการรักษาด้วยฮอร์โมนบางอย่างได้ เช่น nolvadex

  • ยาอื่นๆ ที่ขับออกที่ตับ: อาจทําให้เกิดปฏิกิริยากับ fexofenadine, statins, ยาคุมกําเนิดและยาต้านเชื้อราบางชนิด

  • ยาระงับประสาท เช่น แอลกอฮอล์ และยากล่อมประสาท (ดูด้านล่าง)


Apigenin ช่วยให้รู้สึกสงบ ดังนั้นผู้ที่ใช้ยาระงับประสาท ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง apigenin อาจเพิ่มผลกระทบของสิ่งต่อไปนี้**:


  • ยาต้านอาการชักเช่น Dilantin และ Depakote

  • Benzodiazepines เช่น Xanax และ Valium

  • ยาช่วยการนอนหลับ เช่น Ambien, Sonata, Lunesta,และ Rozerem

  • ยาต้านอาการซึมเศร้า (Tricyclic antidepressants), เช่น Elavil

  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น beer, wine, และ liquor






Apigenin พบในอาหารอะไร?


Apigenin เกิดขึ้นตามธรรมชาติใน สมุนไพร ผัก และเครื่องดื่มที่หลากหลาย แหล่งอาหารที่พบบ่อยที่สุด (R) ได้แก่ :


  • สมุนไพร เช่น parsley, cilantro, basil, oregano, saw thistle leaves, chives, corn poppy, crown daisy, fennel, hartwort, horseradish, peppermint, perilla, Queen Anne’s lace, rosemary, และ thyme

  • ผักเช่น celery, carrots, artichokes, beets, Brussels sprouts, cabbage, cauliflower, kohlrabi, kale, Lettuce, green peas, hot และ sweet peppers, rutabagas, spinach, และ water spinach

  • เครื่องดื่ม เช่น chamomile tea, red wine, และ เบียร์


แหล่งที่มี Apigenin มากทึ่สุด (R) เช่น:


  • Dried parsley (45,035 μg/g)

  • Dried chamomile flower (3,000 to 5,000 μg/g)

  • Celery seeds (786.5 μg/g)

  • Vine spinach (622 μg/g)

  • Chinese celery (240.2 μg/g)


ส่วนพืชที่นิยมนำมาสกัดเอา apigenin จะได้มาจากพืช Matricaria recutita L (Chamomile) ซึ่งจัดอยู่ใน Asteraceae (daisy) family ในอาหารและสมุนไพร จะพบ apigenin อยู่ในฟอร์มที่เสถียร คือ apigenin-7-O-glucoside (R)





Apigenin ขนาดที่แนะนำ


มีการใช้ Apigenin ในปริมาณที่แตกต่างกัน เพื่อต้องการผลลัพธ์ทางคลินิกที่ต่างกันและแม้ในปริมาณที่สูง เช่น 1500 มก./วัน ก็ยังไม่มีรายงานความเป็นพิษ


ในการวิจัยทางคลินิก การใช้ปริมาณที่สูงขึ้นเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับเงื่อนไขเฉพาะของแต่ละการทดลอง แต่ก็ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในขณะนี้ เช่น ไม่มีขนาด Apigenin ที่แน่นอนสําหรับการเพิ่ม testosterone ที่ใช่้ในการทดลองกับมนุษย์ในงานวิจัยปัจจุบัน Apigenin ขนาด 50 mg ถึง 400 mg/วัน เป็นปริมาณที่ใช้ในอาหารเสริมส่วนใหญ่ในตลาด เพราะแค่ในผักชีฝรั่งแห้งก็มีปริมาณ apigenin 45 มก. ต่อกรัม ปริมาณขนาดนี้ จึงน่าจะปลอดภัยและเหมาะสม




#drbunlue #NMP #NMN #NAD #ChapaGroupAndMadePhuwiang #ย้อนวัยไปกับ_drbunlue #antiaging #ชะลอวัย #สุขภาพดี #tiktokสุขภาพ #ลืมป่วย #healthy #healthycare #healthyfood #ดูแลสุขภาพ #มณีแดง #RedGem #Apigenin


bottom of page