คอลลาเจน (เป็ปไทด์) คืออะไร? เป็นอาหารเสริม กินยังไงดี?
top of page

คอลลาเจน (เป็ปไทด์) คืออะไร? เป็นอาหารเสริม กินยังไงดี?

อัปเดตเมื่อ 24 ม.ค.


คอลลาเจน - อาหารเสริม กินยังไง
คอลลาเจน - อาหารเสริม กินยังไง

คอลลาเจนเป็นอาหารเสริมที่มีหลายชนิดด้วยกัน และจะรับประทานมากน้อยแค่ไหนต่อวันก็ต้องมาดูด้วยว่าเป็นคอลลาเจนชนิดไหน ดังนั้นการปรึกษาแพทย์จะทำให้ร่างกายได้รับคอลลาเจนในปริมาณที่เหมาะสมได้


คอลลาเจนเป็นหนึ่งในโปรตีนหลักที่พบได้มากในร่างกาย ประกอบไปด้วยกรดอะมิโนหลายตัวมาเชื่อมต่อกัน ซึ่งมีความสำคัญในฐานะที่เป็นส่วนประกอบในโครงสร้างของทุกอวัยวะในร่างกาย รวมทั้งเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective tissue) เช่น ผิวหนัง เอ็น กล้ามเนื้อ กระดูกอ่อน และเส้นเลือด และยังรวมถึงในลูกตาและฟันด้วย


ในอาหาร ไม่ว่าจะเป็นน้ำซุปต้มกระดูก เนื้อ ปลา ไก่ นมและไข่ ที่เรารับประทานในชีวิตประจำวัน จะมีคอลลาเจนอยู่ด้วย ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายของเราผลิตกรดอะมิโนสำคัญได้ รวมไปถึงสารอาหารที่จำเป็นอย่างอื่นด้วย


เนื่องจาก ร่างกายของเราสามารถผลิตคอลลาเจนได้เองทั้งหมด - ถ้าเราได้รับประทานอาหารที่ครบหมู่ ก็ไม่จำเป็นจะต้องกินอาหารเสริมเข้าไปเพิ่ม แต่เมื่ออายุเรามากขึ้น และการรับประทานที่ไม่ครบทุกหมู่ ก็จะมีผลให้ร่างกายเราขาดแคลนสารอาหารที่จะนำมาใช้ผลิตคอลลาเจนได้


บทความนี้ ผมจึงขอพูดถึงปริมาณคอลลาเจนที่ควรบริโภคในแต่ละวัน เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี


เมื่ออายุคนเราเข้าสู่วัย 40 ปี ร่างกายเราจะสูญเสียคอลลาเจนไป 1% ต่อปี ( 1* ) ซึ่งก็เกี่ยวพันกับหลายปัจจัย ทั้ง อาหาร แอลกอฮอล์ บุหรี่ แสงแดด ล้วนมีผลให้ร่างกายสูญเสียคอลลาเจนได้

การสูญเสียคอลลาเจนเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้โครงสร้างผิวได้รับผลกระทบ และเป็นที่มาของริ้วรอย หน้าเหี่ยวย่น, หย่อนคล้อย และยังมีผลกระทบไปถึงความแข็งแรงของเส้นผม เล็บ กระดูก ข้อ เอ็น กล้ามเนื้อ เป็นต้น



อาหารเสริมคอลลาเจนมีกี่ชนิด?


คอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง มีอยู่ด้วยกัน 28 ชนิดด้วยกัน และชนิด 1, 2, 3, 4 และ 5 พบได้มากที่สุดในร่างกาย ที่น่ารู้ก็คือ คอลลาเจนที่หลากหลายนี้ต่างก็มีหน้าที่แตกต่างกันไปขึ้นกับตำแหน่งที่อยู่ของมัน เช่น คอลลาเจน ชนิดที่ 1 และ 3 มักจะพบด้วยกันในอวัยวะต่างๆ และที่ผิวหนัง ส่วนชนิดที่ 2 พบได้มากที่ข้อและกระดูกอ่อน เป็นต้น



รูปแบบของคอลลลาเจนที่นำมาใช้ทำอาหารเสริม


ที่พบได้บ่อย มี


  • ไฮโดรไลซ์คอลลาเจน (Hydrolyzed collagen / Collagen Hydrolysate / Peptide Collagen) เนื่องจากคอลลาเจนเป็นกรดอะมิโนหลายชนิดมาเกาะรวมกันเป็นโครงสร้างโมเลกุลขนาดใหญ่ ( 3 แสนดาลตัน) และดูดซึมได้ไม่ดี เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกย่อยขนาดให้เล็กลง เพื่อให้ดูดซึมได้ง่าย ที่เหลือก็จะถูกขับออกมากับอุจจาระ การย่อยสลายที่เรียกว่า ไฮโดรไลซ์ จะทำให้ขนาดโมเลกุลของคอลลาเจนเล็กลง ซึ่งพบว่า ขนาดที่น้อยกว่า 3000 ดาลตัน (2*) จะดูดซึมได้ดี และ Collagen Dipeptide เป็นคอลลาเจนที่มีขนาดเล็กสุดที่ดูดซึมได้ดี ประกอบด้วย กรดอะมิโน 2 ตัว (Proline และ Hydroxyproline) ทำให้มีขนาดโมเลกุลเพียง 200 ดาลตัน จึงทำให้ดูดซึมได้ดีมาก เมื่อเทียบกับขนาดอื่น ส่วน Collagen Tripeptide มีขนาดโมเลกุล 1000 ดาลตัน ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ตัว คือ Glycine, Proline และ Hydroxyproline ซึ่งก็มีขนาดที่เล็ก และดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีเช่นกัน คอลลาเจนชนิดนี้ ได้จาก วัว หมู ปลา ไก่ และจากสัตว์ชนิดอื่นได้

  • Undenatured collagen เป็นคอลลาเจนที่ไม่ได้ผ่านการแปรสภาพ ได้จากโครงกระดูกอ่อนของไก่

  • Gelatin: เจลาตินเป็นคอลลาเจนชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาใช้ปรุงอาหาร ได้จากสัตว์เป็นหลัก


นอกจากนี้ยังมีคอลลาเจนที่ได้จากพืช ซึ่งไม่ใช่คอลลาเจนจริงๆ แต่มีสรรพคุณกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนได้ หรือเรียกอีกชื่อว่า คอลลาเจนบูสเตอร์ (Collagen Booster) ถือได้ว่าเป็นทางเลือกสำหรับคนที่เป็น วีแกน / มังสวิรัติ





ปริมาณที่เหมาะสม


ปริมาณคอลลาเจนที่รับประทาน มากหรือน้อย ขึ้นกับรูปแบบคอลลาเจนที่เราเลือกรับประทาน



⬛ Hydrolyzed collagen/Peptide Collagen


เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด จะดูดซึมได้ดีกว่าชนิดอื่น มักอยู่ในรูปของแคปซูล หรือผงชงดื่ม


มีการทำวิจัย (3*) ในปี 2019 พบว่า การกิน Peptide collagen 2.5 -15 กรัม ต่อวัน จะให้ประสิทธิภาพดีที่สุดขึ้นกับวัตถุประสงค์ เช่น


  • การกินที่ 2.5 กรัมต่อวัน จะช่วยเรื่องปวดข้อ สุขภาพผิว และช่วยความชุ่มชื้นของผิวได้ ( 4*, 5*, 6* )

  • การกินเพิ่มเป็น 5 กรัมต่อวัน พบว่าช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก (7*, 8* )

  • การกินในปริมาณสูงที่ 15 กรัมต่อวัน จะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและเสริมร่างกายให้แข็งแรง (9*, 10* )


⬛ Undenatured collagen


มีรายงานแนะนำให้กิน 10 - 40 มก.ต่อวัน จะช่วยให้ข้อต่างๆ ทำงานดีขึ้น (11*, 12* )



Gelatin


เจลาติน ไม่นิยมนำมาใช้ทำอาหารเสริม มักใช้ในเรื่องอาหาร เช่น ทำของหวาน เป็นต้น



นอกจากนี้ ปริมาณการบริโภคยังขึ้นกับผู้ผลิตแต่ละราย ซึ่งจะมีระบุไว้ที่ฉลากบรรจุภัณฑ์ ถ้าเป็นแบบผง มักจะแนะนำให้ 1-3 สคูป (หรือ ช้อนโต๊ะ) ต่อวัน หรือถ้าเป็นแบบกัมมี่ ก็อาจจะที่ 1-2 ชิ้นต่อวัน



ผู้สนใจ สอบถามรายละเอียดและสั่งซื้อได้ที่ ... 
⫸ Tel. 082-777-4461, 092-247-7006 
⫸ Line ID: baramilab หรือ sale.04 

อ้างอิง





#drbunlue #NMP #NMN #NAD #ChapaGroupAndMadePhuwiang #ย้อนวัยไปกับ_drbunlue #CollagenDipeptide



bottom of page