ขายครีม เขาคิดคำนวณขาดทุน-กำไรกันอย่างไร?
top of page

ขายครีม เขาคิดคำนวณขาดทุน-กำไรกันอย่างไร?

ใครๆ ก็อยากจะมีธุรกิจเครื่องสำอางของตนเอง... เพราะอะไร?



"รวยข้ามคืน" จริงหรือ? ถ้าขายเครื่องสำอางรุ่ง"



คำ พังเพย “รวยข้ามคืน” เป็นการเปรียบเปรยให้รู้ว่า คุณสามารถที่จะรวยอย่างรวดเร็วได้   แล้วคำพังเพยนี้นำมาใช้ได้กับธุรกิจทุกอย่างมั้ย? — มีไม่กี่ธุรกิจหรอกครับที่จะทำได้ ยกตัวอย่างให้ดู เช่น ธุรกิจสื่อสารคมนาคม ค้ายาบ้า เป็นต้น





ถ้าเป็น ธุรกิจสื่อสาร ในอดีตคุณต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำรัฐบาล มีวิสัยทัศน์ และต้องมีเงินเป็นระดับร้อยล้าน   อย่างท่านนายกทักษิณในอดีตเป็นต้น   แต่เดี๋ยวนี้มันก็ไม่ง่ายอย่างเดิมอีกแล้ว และธุรกิจค้ายาบ้าละ   แน่นอนครับ เพราะว่าคุณสามารถรับซื้อจากผู้ผลิตได้ที่ราคาเม็ดละ 1 บาท แล้วนำมาขาย 200 บาทต่อเม็ด — กำไรมหาศาล แต่คุณอาจจะไม่ได้อยู่ใช้เงินตลอดชีวิต!


 … และอีกธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน — ธุรกิจขายเครื่องสำอางครับ — แต่คุณจะมีแต่ความสุข เพราะคุณได้ช่วยเหลือให้ผู้อื่นดูดีขึ้น สวยขึ้น และที่สำคัญคือคุณก็จะมีรายได้เข้ามาเป็นกอบเป็นกำและมั่นคง   ผมไม่ได้คุยนะ   คุณลองดูตัวอย่าง เจ้าของเครื่องสำอางหลายยี่ห้อที่เกิดใหม่ดูสิครับ   เมื่อก่อนยังลำบาก บางคนเป็นนักศึกษาเพิ่มจบใหม่   แต่ตอนนี้ทรัพย์สินเป็นสิบๆ ล้าน — ในช่วงไม่กี่ปีเท่านั้นเอง!!!


ผม จะแยกแยะรายละเอียดให้คุณเห็นและเข้าใจว่า เพราะอะไร ผมถึงพูดเช่นนั้น   สมมุติว่า คุณได้พบกับกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และมีสินค้าที่คุณได้เลือกไว้เป็นอย่างดีแล้ว


ตอน นี้ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องลงทุนเองจริงๆ   ดังนั้นก่อนที่จะลงทุนคุณก็ต้องมาหาต้นทุน และตั้งราคาขาย แล้วคำนวณดูว่าคุณจะมีกำไรเหลือเท่าไหร่


สมมุติว่า คุณเลือกจะขายครีมบำรุงผิวให้หน้าขาวใสตัวหนึ่ง (ตามที่กลุ่มเป้าหมายของคุณชอบ) และคุณมีงบจำกัด   จึงคิดลงทุนที่ 1 กิโลกรัมก่อนในช่วงต้น (ราคาครีมตัวนี้จะอยู่ที่ 2,000 – 6,000 บาท/ก.ก. สมมุติว่า คุณเลือกที่ราคา 3,000 บาท/ก.ก.)   ผมจะยกตัวอย่างให้ดู 2 กรณี —

  • ขายราคาไม่แพง และ

  • ขายราคาปานกลาง

ซึ่งทั้งสองราคานี้ ความแตกต่างขึ้นอยู่กับมูลค่าเพิ่มที่คุณใส่เข้าไปในตัวสินค้า เช่น คุณภาพของตลับที่บรรจุ (แพคเก็จจิ้ง) และฉลากระบุสรรพคุณพร้อมวิธีใช้ (สติ๊กเกอร์)


หมายเหตุ: โดยทั่วไป การซื้อตลับมาใส่เนื้อครีม จะต้องมีปริมาณขั้นต่ำ (Minimum — เรียกกันสั้นๆ ว่า มิน) ที่ 100 ชิ้น และพิมสติ๊กเกอร์ก็มีมินที่ 1,000 ชิ้นขึ้นไป



กรณีที่ 1: ขายราคาไม่แพงที่ 80 บาทต่อตลับ   ครีม 1 ก.ก. (1,000 กรัม) บรรจุลงตลับ 5 กรัมได้ 200 ตลับ (คุณทำการบรรจุครีมลงตลับและติดสติ๊กเกอร์เอง)

  • ครีมบำรุงผิวหน้าขาวใส 1 ก.ก. ราคา                              3,000    บาท

  • ตลับ 5 กรัม จำนวน 200 ตลับๆ ละ 8 บาท รวม               1,600   บาท

  • ค่าสติ๊กเกอร์ 200 ดวงๆ ละ 1.50 บาท                               300   บาท

                                                        ลงทุนรวม                   4,900   บาท


ขายราคาตลับละ 80 บาท x 200 ตลับ เป็นเงิน                      16,000   บาท นั่นคือ คุณมีกำไรทั้งสิ้น (16,000 – 4,900)                             11,000   บาท (คิดเป็น 224%)



กรณีที่ 2: ขายราคาปานกลางที่ 150 บาทต่อตลับ   ครีม 1 ก.ก. (1,000 กรัม) บรรจุลงตลับ 5 กรัมได้ 200 ตลับ (คุณทำการบรรจุครีมลงตลับและติดสติ๊กเกอร์เอง)

  • ครีมบำรุงผิวหน้าขาวใส 1 ก.ก. ราคา                              3,000   บาท

  • ตลับ 5 กรัม จำนวน 200 ตลับๆ ละ 15 บาท รวม             3,000   บาท

  • ค่าสติ๊กเกอร์ 200 ดวงๆ ละ 1.50 บาท                              300  บาท

           ลงทุนรวม                        6,300   บาท


ขายราคาตลับละ 150 บาท x 200 ตลับ เป็นเงิน                   30,000   บาท นั่นคือ คุณมีกำไรทั้งสิ้น (30,000 – 6,300)                           23,700   บาท (คิดเป็น 376%)


นั่น หมายความว่า คุณลงทุนไป 100 บาท คุณจะมีกำไรอยู่ที่ 224% – 376% — ว้าว คุณคิดว่ามีธุรกิจอะไรที่จะให้ผลตอบแทนมากเท่านี้ได้มั้ยละ?


ผมกำลังชี้ช่องให้คุณเห็นว่า ทำไมคนที่ขายเครื่องสำอางรุ่ง เขาถึงมีเงินมากมายขนาดนั้น และผมขอย้ำเลยนะครับว่า ต้นทุนของครีมยี่ห้อดังๆ ในไทยและต่างประเทศราคาก็ไม่ได้แตกต่าง (หรืออาจจะถูกกว่าด้วยซ้ำ แต่ขายราคาสูงลิ่ว) ไปจากที่ผมยกตัวอย่างมาให้คุณดู   และก็มีหลายยี่ห้อ ไม่ได้มีนวัตกรรมที่ทันสมัยอะไรเลย (นอกจากเขียนคำฝอยให้คุณเคลิบเคลิ้ม และหลงไปกับคำเคลิ้มพวกนั้น)


ถึงตอนนี้ คุณคงเข้าใจแล้วนะครับว่า เพราะอะไร?   ใครๆ ก็อยากจะเข้ามาเป็นเจ้าของธุรกิจขายเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นดาราภาพยนตร์ไทย (ไม่เว้นแม้แต่ดาราฮอลลีวู๊ด อย่างบริทนีย์ สเปียร์ เป็นต้น) นักธุรกิจ เจ้าของบริษัทขายตรงทั่วโลก และอื่นๆ อีกมาก — แล้วคุณละครับ?… คิดอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอางบ้างมั้ย? — หรือถ้าคุณคิดว่า คุณพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ ก็อย่าอ่านต่อไปเลยครับ เพราะจะเสียเวลาคุณเฉยๆ


ต่อไปผมจะพูดถึงเรื่อง โรงงงานผลิตครีม หรือโรงงานเครื่องสำอาง มีรายละเอียดหลายประการที่คุณควรจะรู้ก่อนจะตัดสินใจว่าจะซื้อจาก โรงงานผลิตครีม ไหนที่น่าเชื่อถือ มีเกณฑ์อะไรให้พิจารณา…

bottom of page