ความสำคัญของน้ำมันนำพาต่อการออกฤทธิ์ของ Cannabinoids
top of page

ความสำคัญของน้ำมันนำพาต่อการออกฤทธิ์ของ Cannabinoids

อัปเดตเมื่อ 21 มิ.ย. 2565

น.พ.บรรลือ กองไชย - Barami Lab

 



พวกเราจะเริ่มเห็นน้ำมัน CBD Oil วางขายตามเว็บไซต์ออนไลน์มากขึ้นเรื่อย แต่เคยสงสัยกันบ้างมั้ยครับว่าใน นั้นมีส่วนผสมอะไรอยู่บ้าง และแต่ละส่วนมีหน้าที่หรือบทบาทสำคัญอย่างไร


ถ้ายังไม่รู้ ... อย่าเพิ่งซื้อครับ! เพราะอาจจะมีปัญหาทั้งด้านคุณภาพและผลที่จะตามมาได้


บทความนี้จะช่วยคุณได้


น้ำมันที่ผสมอยู่ใน CBD / THC / CBG / CBN หรือ .... จะประกอบด้วยส่วนสำคัญดังนี้คือ

  1. น้ำมันนำพา (Base oil หรือ Carrier oil) ส่วนใหญ่จะได้จากพืช มีความอ่อนโยนมาก ไม่มีกลิ่นหรือรสที่รุนแรงเกินไปจนทำให้ระคายต่อผิวหนังหรือทางเดินอาหาร มีหน้าที่ในการช่วยให้สารหรือน้ำมันที่ผสมอยู่สามารถซึมซับเข้าสู่ร่างกายได้ดี

  2. น้ำมันหอมระเหย (Essential oil) เป็นน้ำมันที่มีกลิ่นหอม ระเหยได้ง่าย และพืชแต่ละชนิดรวมทั้งกัญชาหรือกัญชงจะมีกลิ่นที่เฉพาะของตนเอง เป็นผลจากสารเทอร์พีนที่ผสมอยู่ ซึ่งรู้จักกันในชื่อของ Terpene Profile นั่นเอง นั่นหมายความว่า พืชแต่ละชนิดก็จะมีเทอร์พีนเป็นของตนเอง รวมไปถึงกัญชาหรือกัญชงแต่ละสายพันธุ์ก็จะมี Terpene profile เฉพาะของตนเอง ทำให้พืชกัญชาหรือกัญชงมีกลิ่นที่แตกต่างกันนั้นเอง Essential oil ที่สกัดได้จากพืชจะมีความเข้มข้นสูง ส่วนใหญ่จะระคายเคืองต่อผิวสูง จึงมักจะนำมาผสมกับ carrier oil นอกจากนี้ น้ำมันหอมระเหยส่วนใหญ่เมื่อปล่อยให้ถูกอากาศนานๆ จะทำให้มีกลิ่นเหม็นหืน (Oxidation) ได้

  3. สารที่ใส่เสริม (Supplement) จะเป็นสารออกฤทธิ์ หรือสารสำคัญ ถ้าในกรณีของ CBD oil ก็จะเป็นสาร CBD THC CBG หรืออื่นๆ เป็นต้น

ในบทความนี้จะขอพูดถึงน้ำมันนำพาโดยเฉพาะ ซึ่งจะส่งผลต่อการทำงานของสารที่ใส่เสริม น้ำมันนำพาก็เหมือนกับน้ำมันหอมระเหย คือ มีคุณสมบัติเฉพาะและประโยชน์ที่แตกต่างกัน บางชนิดมีคุณสมบัติดูดซึมได้ดีมาก บางชนิดก็ดูดซึมได้น้อย บางชนิดจะเก็บได้นานกว่า


การนำน้ำมันนำพา (Carrier oil) หลายชนิดมาผสมกันก็มีวัตถุประสงค์สำคัญ คือช่วยลดอาการเหม็นหืน ช่วยให้เก็บได้นานขึ้น ช่วยให้การดูดซึมของสารที่ใส่เสริมแต่ละชนิดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้การเลือกน้ำมันนำพาแต่ละขนิดมาผสมกัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งชนิดและสัดส่วนของน้ำมันนำพาที่เหมาะสม จะส่งผลต่อการดูดซึมของสารที่ใส่เสริม เช่น CBD ให้เข้าสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้น




น้ำมันนำพาที่ดีที่สุดที่ใช้ใน CBD Oil


1. MCT Oil (Unrefined)


MCT oil มีชื่อเต็มว่า “Medium-chain TriglycerideOil คือกรดไขมันอิ่มตัวสายกลางที่พบมากที่สุดในน้ำมันมะพร้าว ได้จากการกลั่นสกัดน้ำมันมะพร้าว ไม่ผ่านขบวนการทางเคมี เป็นน้ำมันที่นิยมนำมาใช้ผสมใน CBD oil เพราะมีคุณสมบัติในการดูดซึมได้ดีและช่วยให้ CBD ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มาก นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเด่นในเรื่อง

  • ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา

  • เป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ Enhancer

  • มีกรดไขมันสำคัญมากมาย (essential fatty acids)

  • ดีต่อผิวหนัง


2. น้ำมันจากเมล็ดกัญชง (Hemp Seed Oil)


เป็นน้ำมันที่ถือว่าเป็น Superfood เพราะมีกรดไขมันจำเป็นอยู่จำนวนมาก ดูข้อมูลเพื่มเติมได้ที่ - คลิก! ถือได้ว่าเป็นน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและช่วยในการนำพา CBD ได้ดี

3. น้ำมันดอกทานตะวัน (Sunflower Oil)

น้ำมันดอกทานทะวันจะมีวิตามินและแร่ธาตุสำคัญอยู่มาก ที่สำคัญคือราคาไม่แพงมากและหาซื้อได้ง่าย มีประโยชน์

  • เพิ่มฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (Anti-Oxidant Booster)

  • กระตุ้นและฟื้นฟูชั้นผิวหนัง

  • ลดอาการระคายต่อผิวหนัง

น้ำมันดอกทานตะวันเป็นน้ำมันนำพาที่ดีสำหรับสาร CBD ช่วยให้ดูดซึมได้ดี และเป็นที่นิยมนำมาใช้ผสมใน CBD oil หลายแบรนด์ด้วยกัน รวมทั้งใช้กับน้ำมันหอมระเหยอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้ยังนิยมนำมาใช้ปรุงอาหารด้วย


4. น้ำมันอโวคาโด (Avocado Oil)


น้ำมันอโวคาโดค่อนข้างหนักหนืด นิยมใช้ปรุงอาหาร แต่ถ้านำใช้เป็นน้ำมันนำพากับสาร CBD จะดีสู้น้ำมัน MCT oil ไม่ได้ แต่ถ้ามองในแง่ของสุขภาพแล้ว จัดได้ว่าเป็นไขมันที่ดี

  • มี Vitamin A, B, D, และ E สูง

  • ดีต่อผิว

  • มีกรดโอเลอิก (Oleic acid) สูง – เป็นไขมันที่ดี

  • มีสารลูตินสูงมาก (Lutein)

น้ำมันอโวคาโดจะช่วยเพิ่มการดูดซึมของสารอาหารผ่านทางชั้นผิวหนังได้ดี จึงเหมาะที่จะมาใช้เป็นน้ำมันนำพากับสาร CBD ที่จะใช้กับผิวหนัง


5. น้ำมันเมล็ดองุ่น (Grapeseed Oil)


องุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ดีมาก จึงไม่แปลกที่น้ำมันจากเมล็ดองุ่นจะมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่สูงด้วยเช่นกัน น้ำมันเมล็ดองุ่นค่อนข้างเบา ไม่หนักหนืดมาก ดังนั้นเวลานำมาลูบทาที่ผิว จะให้ความรู้สึกเนียนนุ่ม เบา จึงมักนิยมนำมาใช้ทำเป็นน้ำมันนวดตัว

  • ช่วยลดริ้วรอยได้

  • เหมาะกับผิวแห้ง และระคายเคืองง่าย

  • มีวิตามินอีสูง

ถ้าคิดจะทำน้ำมันนวดตัวที่ผสม CBD น้ำมันเมล็ดองุ่นจะได้รับความนิยมมาก


6. น้ำมันเมล็ดทับทิม (Pomegranate Seed Oil)


น้ำมันชนิดนี้นิยมนำมาทำน้ำมันนำพาที่ใช้ในการรักษา เพราะมีวิตามินและกรดไขมันจำเป็นหลายชนิด มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน

  • ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน

  • ช่วยเรื่องหัวใจ

  • ช่วยป้องกันมะเร็งเพราะมีกรดพูนิซิก (Punicic acid)

  • เป็นตัวปรับสมดุลย์ของฮอร์โมน

  • ช่วยเรื่องการย่อยอาหาร

  • ช่วยเพิ่มความจำ

  • มีคุณสมบัติ Anti-Oxidants

  • อื่นๆ อีกมาก!

นิยมนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์


7. Arnica Oil


เป็นน้ำมันที่ได้จากพืชตระกูลดาวเรือง มีถิ่นกำเนิดมาจากทางยุโรปและอเมริกา มีสารสำคัญ คือ Helenalin ซึ่งผลการวิจัยพบว่า ช่วยลดการอักเสบ บรรเทาอาการเจ็บปวดและช่วยในการหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย


ถ้ามาใช้ผสมกับ CBD จะช่วยลดอาการปวด อักเสบได้ดี



นอกจากนี้ยังมีน้ำมันอื่นๆ อีกหลายชนิด ที่นิยมนำมาใช้ ซึ่งต้องพิจารณาในเรื่องของราคา และการเสริมการดูดซึมของ CBD ให้มากขึ้น


การเลือกใช้น้ำมันนำพา ถือว่าเป็นเคล็ดลับสำคัญอย่างหนึ่งในการเลือกใช้ ที่จะช่วยดึงกลไกการออกฤทธิ์ของ CBD และสมุนไพรอื่นๆ ให้แสดงประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มที่


การเลือกใช้น้ำมันนำพาที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ กับ CBD Oil ของคุณ!



bottom of page