คุณเคยได้ยินสํานวนที่ว่า "กินแอปเปิ้ลวันละลูก จะไกลจากหมอ" กันมั้ยครับ? เรื่องนี้เป็นจริง ส่วนหนึ่งเป็นการทำงานของสารรูติน (Rutin)
รูตินซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สําคัญที่สุดที่พบในแอปเปิ้ล และอาหารอื่นๆ รูตินมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพของเรา จากงานวิจัยในปัจจุบัน (R) ชี้ให้เห็นว่า Rutin มีประโยชน์ในการรักษาโรคเรื้อรังหลายชนิด รวมถึงโรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, คอเลสเตอรอลสูงและ มะเร็ง
Rutin คืออะไร?
รูติน (ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า Vitamin P และ Rutoside) เป็นสารไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids) ที่พบได้ในอาหารบางชนิด รวมถึง แอปเปิ้ล, มะเดื่อ, ผลไม้รสเปรี้ยวส่วนใหญ่, บัควีทและชาเขียว เช่นเดียวกับฟลาโวนอยด์ทั่วไป รูตินมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ และต้านการอักเสบได้ดี และใช้เป็นยา เพื่อเสริมสร้างหลอดเลือด, เพิ่มการไหลเวียนโลหิต, ลดคอเลสเตอรอล และบรรเทาอาการของโรคข้ออักเสบ
รูติน ยังมีสมรรถภาพในการช่วยผลิตคอลลาเจนและช่วยให้ร่างกายใช้วิตามินซีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Rutin มีประโยชน์ต่อสุขภาพดังนี้ (Health Benefits)
#1 Rutin ช่วยเพิ่มสุขภาพของหัวใจ
การวิจัยล่าสุดชี้ให้เห็นว่า รูตินสามารถช่วยรักษาความยืดหยุ่นของหลอดเลือด, ลดความเปราะบางของหลอดเลือด, ลดการซึมผ่านของเส้นเลือดฝอยและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากความดันโลหิตสูง
จากการศึกษากับสัตว์ทดลอง (R) ในปี 2018 ที่ตีพิมพ์ใน Experimental and Therapeutic Medicine พบว่า รูตินช่วยยับยั้งโรคหัวใจ ผ่านการส่งสัญญาณโปรตีนเฉพาะ ที่เรียกว่า ERK1/2 และ Akt ซึ่งจากการทดลองกับหมูที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ พบว่า ขนาดที่มีประสิทธิภาพคือ 45 มก./กก. น้ำหนักตัว การให้รูติน จะช่วยลดขนาดของเนื้อเยื่อที่ตายแล้วในหัวใจของหมูที่เป็นโรคหัวใจ, ยับยั้งการขับโปรตีนออกมาในปัสสาวะ และเพิ่มการไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้น
มีการศึกษาในสัตว์อีกชิ้นในปี 2014 (R) ที่ตีพิมพ์ใน Human & Experimental Toxicology พบว่า การรักษาด้วยรูตินและเคอร์เซติน (Quercetin) ช่วยลดผลกระทบต่อหัวใจและหลอดเลือด จากอาหารที่มีเกลือสูงในหนูที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง จากการวิจัยพบว่า การใช้สาร bioflavonoids (รวมทั้ง Rutin) ร่วมกันในการรักษา จะมีประสิทธิภาพมากกว่าการรักษาด้วย nifedipin ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการรักษาความดันโลหิตสูงและอาการเจ็บหน้าอกได้
#2 Rutin ช่วยบรรเทาอาการข้ออักเสบ
#3 Rutin ช่วยต่อสู้กับมะเร็ง
#4 Rutin ช่วยปกป้องจากโรคเมตาบอลิซึม
#5 Rutin ช่วยปกป้องสมอง
#6 Rutin ช่วยป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
#7 Rutin ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต
อาหาร 20 อันดับแรกที่มีสารรูตินสูงสุด
รูตินเป็นฟลาโวนอยด์ที่พบในอาหารและพืชหลายชนิด รวมถึงผลไม้รสเปรี้ยว แอปเปิ้ล และบัควีท วิธีที่ดีที่สุดในการรับประทานอาหารของคุณคือ การกินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงโดยเฉพาะ
รูตินเป็นสารที่พบได้มากในพืชต่อไปนี้:
Apples
Capers
Olives
Passion flower (used in teas and infusions)
Black
Green tea
Amaranth leaves
Elderflower (used in teas and extracts)
Figs
Ginkgo biloba (available in supplement and dried leaf forms)
Onions
Apricots
Cherries
Grapes
Grapefruit
Plums
Oranges
Asparagus
Black olives
คําแนะนําอาหารเสริมและปริมาณที่รับประทาน
รูตินมีจําหน่ายเป็นอาหารเสริม ที่พบได้ร้านขายวิตามินทั่วไป คุณสามารถค้นหาผลิตภัณฑ์ที่มีรูตินเพียงอย่างเดียวหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไบโอฟลาโวนอยด์อื่นๆ เช่น ไบโอฟลาโวนอยด์คอมเพล็กซ์ ด้วยเหตุนี้ปริมาณของฟลาโวนอยด์ในผลิตภัณฑ์จึงแตกต่างกันอย่างมาก
คุณจะพบว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรูตินส่วนใหญ่ในตลาดมีขนาด 500 มก./แคปซูล ไม่มีขนาดที่แนะนําอย่างชัดเจน แต่โดยทั่วไปจะมีขนาดตั้งแต่ 500 มก./วัน - 4 กรัม/วัน
การศึกษาชิ้นหนึ่ง (R) ระบุว่า การรับประทานมากถึง 4 กรัม/วัน เป็นปริมาณที่มีประสิทธิภาพและยอมรับได้ดี อย่างไรก็ตาม, การรับประทานในขนาดนี้ถือได้ว่าสูงกว่าปริมาณมาตรฐานที่แนะนําในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดังนั้นควรปรึกษาผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณก่อนที่จะใช้ปริมาณที่มากขึ้น.
Rutin และ Quercetin
รูติน เป็นไกลโคไซด์ของ Flavonoid quercetin ซึ่งได้จากการรวมกันของ quercetin และ disaccharide (น้ำตาล 2 โมเลกุล) rutinose และในบางครั้งก็เรียกว่า purple quercetin
เคอร์เซติน (Quercetin) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระฟลาโวนอยด์ชนิดหนึ่งที่พบในพืช รวมถึงผลเบอร์รี่ บรอกโคลี และผักใบเขียว เคอร์เซตินถูกนํามาใส่ในแคปซูล เพื่อใช้ยับยั้งความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน, ลดการอักเสบ, เพิ่มสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด, เพิ่มการไหลเวียนและความบกพร่องทางสติปัญญา
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งสองนี้ มีจําหน่ายทั่วไป สามารถหาได้ในหลายรูปแบบ โดยมีปริมาณของสารออกฤทธิ์แตกต่างกันไปในแต่ละผลิตภัณฑ์
ความเสี่ยงและอาการข้างเคียง
โดยทั่วไป รูตินถือว่า ปลอดภัยเมื่อรับประทานในปริมาณที่แนะนํา มีรายงานผลข้างเคียงของรูตินเพียงเล็กน้อย เช่น อาการปวดหัว, ผื่นแดง, ปวดท้องและมวนท้อง ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มรับประทานอาหารเสริมชนิดใหม่ ควรปรึกษากับผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้ยาตามใบสั่งแพทย์อยู่แล้ว.
นอกจากนี้อาจจะมีอาการระคายเคืองตาและระบบทางเดินหายใจและอาการไม่พึงประสงค์ทางผิวหนังได้
รูตินไม่แนะนําสําหรับสตรีที่กําลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะมั่นใจว่าปลอดภัย
Commentaires