top of page

อาหารเสริม Rutin คืออะไร? ... มีประโยชน์ต่อร่างกาย?

  • รูปภาพนักเขียน: dr.bunlue
    dr.bunlue
  • 24 ธ.ค. 2566
  • ยาว 2 นาที

อัปเดตเมื่อ 22 ม.ค. 2567


อาหารเสริม Rutin คืออะไร? ... มีประโยชน์ต่อร่างกาย?
อาหารเสริม Rutin คืออะไร? ... มีประโยชน์ต่อร่างกาย?

คุณเคยได้ยินสํานวนที่ว่า "กินแอปเปิ้ลวันละลูก จะไกลจากหมอ" กันมั้ยครับ? เรื่องนี้เป็นจริง ส่วนหนึ่งเป็นการทำงานของสารรูติน (Rutin)


รูตินซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สําคัญที่สุดที่พบในแอปเปิ้ล และอาหารอื่นๆ รูตินมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพของเรา จากงานวิจัยในปัจจุบัน (R) ชี้ให้เห็นว่า Rutin มีประโยชน์ในการรักษาโรคเรื้อรังหลายชนิด รวมถึงโรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, คอเลสเตอรอลสูงและ มะเร็ง



Rutin คืออะไร?


รูติน (ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า Vitamin P และ Rutoside) เป็นสารไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids) ที่พบได้ในอาหารบางชนิด รวมถึง แอปเปิ้ล, มะเดื่อ, ผลไม้รสเปรี้ยวส่วนใหญ่, บัควีทและชาเขียว เช่นเดียวกับฟลาโวนอยด์ทั่วไป รูตินมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ และต้านการอักเสบได้ดี และใช้เป็นยา เพื่อเสริมสร้างหลอดเลือด, เพิ่มการไหลเวียนโลหิต, ลดคอเลสเตอรอล และบรรเทาอาการของโรคข้ออักเสบ


รูติน ยังมีสมรรถภาพในการช่วยผลิตคอลลาเจนและช่วยให้ร่างกายใช้วิตามินซีได้อย่างมีประสิทธิภาพ



Rutin มีประโยชน์ต่อสุขภาพดังนี้ (Health Benefits)



#1 Rutin ช่วยเพิ่มสุขภาพของหัวใจ


การวิจัยล่าสุดชี้ให้เห็นว่า รูตินสามารถช่วยรักษาความยืดหยุ่นของหลอดเลือด, ลดความเปราะบางของหลอดเลือด, ลดการซึมผ่านของเส้นเลือดฝอยและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากความดันโลหิตสูง


จากการศึกษากับสัตว์ทดลอง (R) ในปี 2018 ที่ตีพิมพ์ใน Experimental and Therapeutic Medicine พบว่า รูตินช่วยยับยั้งโรคหัวใจ ผ่านการส่งสัญญาณโปรตีนเฉพาะ ที่เรียกว่า ERK1/2 และ Akt ซึ่งจากการทดลองกับหมูที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ พบว่า ขนาดที่มีประสิทธิภาพคือ 45 มก./กก. น้ำหนักตัว การให้รูติน จะช่วยลดขนาดของเนื้อเยื่อที่ตายแล้วในหัวใจของหมูที่เป็นโรคหัวใจ, ยับยั้งการขับโปรตีนออกมาในปัสสาวะ และเพิ่มการไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้น


มีการศึกษาในสัตว์อีกชิ้นในปี 2014 (R) ที่ตีพิมพ์ใน Human & Experimental Toxicology พบว่า การรักษาด้วยรูตินและเคอร์เซติน (Quercetin) ช่วยลดผลกระทบต่อหัวใจและหลอดเลือด จากอาหารที่มีเกลือสูงในหนูที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง จากการวิจัยพบว่า การใช้สาร bioflavonoids (รวมทั้ง Rutin) ร่วมกันในการรักษา จะมีประสิทธิภาพมากกว่าการรักษาด้วย nifedipin ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการรักษาความดันโลหิตสูงและอาการเจ็บหน้าอกได้


#2 Rutin ช่วยบรรเทาอาการข้ออักเสบ


จากการศึกษาในสัตว์ทดลองแสดงให้เห็นว่า รูตินซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระนี้ มีพลังในการยับยั้งการอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง ซึ่งเป็นการใช้สารจากธรรมชาติในการรักษาโรคข้ออักเสที่มีศักยภาพสูง (R)


นักวิจัยในรัสเซีย (R) พบว่า รูตินสามารถลดการผลิตอนุมูลอิสระที่มากเกินไปในโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้ (Rheumatoid arthritis) และพวกเขาได้สรุปในตอนท้ายงานวิจัยว่า Rutin เป็นตัวที่สามารถใช้แทนยาได้ดี


นอกจากนี้ การศึกษาในห้องปฏิบัติการในปี 2017 (R) ที่ตีพิมพ์ใน Pharmacology พบว่ารูตินช่วยเพิ่มการก่อตัวของเนื้อเยื่อบนพื้นผิวของข้อต่อ, เพิ่มกระดูกอ่อนและกระดูกที่สึกหรอและลดการอักเสบ  ซึ่งชี้ให้เห็นว่า มันมีผลต่อการป้องกันโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์


#3 Rutin ช่วยต่อสู้กับมะเร็ง


รูติน ใช้รักษาเพื่อต่อสู้กับโรคมะเร็ง เนื่องจากฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ต้านการอักเสบ นอกจากนี้ ยังกระตุ้นให้เกิดการตายของเซลล์ (Apoptosis) หรือการตายของเซลล์มะเร็ง และมีฤทธิ์ต้านเนื้องอก สารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ถูกนํามาใช้เพื่อทําให้เซลล์มะเร็งไวต่อยาต้านมะเร็งและลดการดื้อยา ในคนที่รักษาโรคมะเร็งอยู่


มีการทำวิจัยมากมายในคน, หนูและเซลล์ในห้องทดลอง ที่ชี้ให้เห็นว่า สารต้านอนุมูลอิสระนี้ ช่วยลดขนาดของเนื้องอกได้, เพิ่มการตายของเซลล์มะเร็ง และเพิ่มระยะเวลาการอยู่รอดได้ จากการรีวิวทางวิทยาศาสตร์ (R) ที่กล่าวถึงฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของรูตินพบว่า ฟลาโวนอยด์มีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้หลายชนิด รวมถึงมะเร็งเม็ดเลือดขาว, มะเร็งลําไส้ใหญ่, มะเร็งผิวหนัง, มะเร็งตับ และมะเร็งปอด


การศึกษาในห้องปฏิบัติการที่ตีพิมพ์ใน Phytotherapy Research พบว่า Rutin ทํางานเป็น chemosensitizer ต่อเซลล์มะเร็งเต้านมของมนุษย์ 2 ชนิด และรูตินช่วยเพิ่มฤทธิ์ต้านมะเร็งของยาที่ใช้ต่อสู้กับมะเร็งอย่างมีนัยสําคัญ และช่วยหยุดการลุกลามของวัฏจักรเซลล์ได้สําเร็จ


นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาในห้องปฏิบัติการอื่นๆ ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Scientific World Journal (R) พบว่า รูตินช่วยต่อสู้กับ neuroblastoma ซึ่งเป็นมะเร็งชนิดหนึ่ง ที่มักพบในต่อมหมวกไตของเด็ก มันทําให้เกิดการตายของเซลล์และควบคุมการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับการตายของเซลล์


#4 Rutin ช่วยปกป้องจากโรคเมตาบอลิซึม


การวิจัยแสดงให้เห็นว่า รูตินช่วยป้องกันการเกิดโรคในกลุ่มเมตาบอลิซึมเมื่อเราอายุมากขึ้น จากการศึกษาในหนูสูงอายุพบว่า ฟลาโวนอยด์ ช่วยยับยั้งการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำตาลในเลือดช่วงอดอาหาร, ระดับอินซูลินและความดันโลหิต


การให้รูติน ช่วยลดความผิดปกติของการเผาผลาญที่เกิดจากความแก่ชราในหนู (R) โดยรูตินช่วยลดการอักเสบ, การสะสมไขมัน, ความเครียดออกซิเดชัน และโรคของไมโตคอนเดรีย (R) ซึ่งเป็นความผิดปกติ ที่เกิดจากการทำงานของไมโตคอนเดรีย ที่พบในเกือบทุกเซลล์ของร่างกายมนุษย์


#5 Rutin ช่วยปกป้องสมอง


การวิจัย (R) ชี้ให้เห็นว่า รูตินช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่สมองและความเสียหายที่สัมพันธ์กับอายุ นอกจากนี้ ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพของสมอง เนื่องจากคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ


ในปี 2018 งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Oxidative Medicine and Cellular Longevity ชี้ให้เห็นว่า Rutin ทําหน้าที่เป็นสารที่ช่วยป้องกันระบบประสาท ที่มีศักยภาพในการรักษาโรคทางระบบประสาท รวมถึง โรคอัลไซเมอร์, โรคพาร์กินสัน และโรคฮันติงตัน (Huntington’s disease) นักวิจัยเชื่อว่า รูตินช่วยปกป้องสมอง ด้วยการลดไซโตไคน์, เพิ่มการทำงานของเอ็นไซม์ต้านอนุมูลอิสระ และฟื้นฟูการทำงานของเอ็นไซม์ในไมโตคอนเดรีย ที่ซับซ้อนภายในเซลล์ของเรา (R)


#6 Rutin ช่วยป้องกันการเกิดลิ่มเลือด


นักวิจัยที่ศูนย์การแพทย์ Beth Israel Deaconess ในเครือฮาร์วาร์ดพบว่า รูตินอาจใช้เป็นแทางเลือกใหม่ในการป้องกันการเกิดลิ่มเลือด - ในการทดลองกับสัตว์ การเกิดลิ่มเลือด (Thrombosis: คือลิ่มเลือดที่ก่อตัวขึ้นในหลอดเลือดแดงหรือหลอดเลือดดํา) และการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดํา (Deep vein thrombosis) ถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากอาจทําให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงชีวิตได้ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) และหัวใจวาย


นักวิจัยพบว่า รูตินช่วยยับยั้งโปรตีนไดซัลไฟด์ไอโซเมอเรส (PDI: Protein Disulfide Isomerase) ซึ่งหลั่งออกมาจากเกล็ดเลือด และเซลล์บุผนังหลอดเลือดของเราอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เกิดลิ่มเลือด โดยการขัดขวางการหลั่งของ PDI, Rutin ได้พิสูจน์แล้วว่า สามารถป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในหนูทดลองได้


ไม่เพียงแค่ช่วยยับยั้ง PDI เท่านั้น แต่รูตินยังป้องกันไม่ให้สารชนิดอื่นๆ เข้าสู่ภายนเซลล์ ได้ด้วย นักวิจัย (R) พบว่า รูตินยังช่วยป้องกันการเกิดลิ่มเลือดทั้งในหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดําของหนู และกล่าวกันว่า รูตินเป็นสารเดียวที่สามารถป้องกันลิ่มเลือดทั้งสองประเภทได้


#7 Rutin ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต


ในยาแผนโบราณ, รูตินเป็นที่รู้จักกันดีด้านสรรพคุณในการเสริมสร้างหลอดเลือดให้แข็งแรงและปรับปรุงการไหลเวียนของเลือด รูตินมักถูกใช้เพื่อลดการเกิดเส้นเลือดขอด, บรรเทาอาการของริดสีดวงทวาร และป้องกันการเส้นเลือดแตกในโรคเส้นเลือดสมอง (Hemorrhagic stroke)


จากการรีวิวงานวิจัย (R) ที่ตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Molecular Sciences ระบุว่ามีการใช้รูตินเพื่อลดอาการบวมที่ขา, บรรเทาอาการปวดขาและลดตะคริวที่ขา, ความรู้สึกหน่วงและอาการคัน นี่อาจเป็นเพราะ ความสามารถในการลดการอักเสบและเพิ่มการไหลเวียนโลหิตของรูติน






อาหาร 20 อันดับแรกที่มีสารรูตินสูงสุด


รูตินเป็นฟลาโวนอยด์ที่พบในอาหารและพืชหลายชนิด รวมถึงผลไม้รสเปรี้ยว แอปเปิ้ล และบัควีท วิธีที่ดีที่สุดในการรับประทานอาหารของคุณคือ การกินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงโดยเฉพาะ


รูตินเป็นสารที่พบได้มากในพืชต่อไปนี้:

  1. Apples

  2. Buckwheat

  3. Capers

  4. Olives

  5. Passion flower (used in teas and infusions)

  6. Black

  7. Green tea

  8. Amaranth leaves

  9. Elderflower (used in teas and extracts)

  10. Figs

  11. Ginkgo biloba (available in supplement and dried leaf forms)

  12. Onions

  13. Apricots

  14. Cherries

  15. Grapes

  16. Grapefruit

  17. Plums

  18. Oranges

  19. Asparagus

  20. Black olives



คําแนะนําอาหารเสริมและปริมาณที่รับประทาน


รูตินมีจําหน่ายเป็นอาหารเสริม ที่พบได้ร้านขายวิตามินทั่วไป คุณสามารถค้นหาผลิตภัณฑ์ที่มีรูตินเพียงอย่างเดียวหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไบโอฟลาโวนอยด์อื่นๆ เช่น ไบโอฟลาโวนอยด์คอมเพล็กซ์ ด้วยเหตุนี้ปริมาณของฟลาโวนอยด์ในผลิตภัณฑ์จึงแตกต่างกันอย่างมาก


คุณจะพบว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรูตินส่วนใหญ่ในตลาดมีขนาด 500 มก./แคปซูล ไม่มีขนาดที่แนะนําอย่างชัดเจน แต่โดยทั่วไปจะมีขนาดตั้งแต่ 500 มก./วัน - 4 กรัม/วัน


การศึกษาชิ้นหนึ่ง (R) ระบุว่า การรับประทานมากถึง 4 กรัม/วัน เป็นปริมาณที่มีประสิทธิภาพและยอมรับได้ดี อย่างไรก็ตาม, การรับประทานในขนาดนี้ถือได้ว่าสูงกว่าปริมาณมาตรฐานที่แนะนําในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดังนั้นควรปรึกษาผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณก่อนที่จะใช้ปริมาณที่มากขึ้น.





Rutin และ Quercetin


รูติน เป็นไกลโคไซด์ของ Flavonoid quercetin ซึ่งได้จากการรวมกันของ quercetin และ disaccharide (น้ำตาล 2 โมเลกุล) rutinose และในบางครั้งก็เรียกว่า purple quercetin


เคอร์เซติน (Quercetin) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระฟลาโวนอยด์ชนิดหนึ่งที่พบในพืช รวมถึงผลเบอร์รี่ บรอกโคลี และผักใบเขียว เคอร์เซตินถูกนํามาใส่ในแคปซูล เพื่อใช้ยับยั้งความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน, ลดการอักเสบ, เพิ่มสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด, เพิ่มการไหลเวียนและความบกพร่องทางสติปัญญา


ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งสองนี้ มีจําหน่ายทั่วไป สามารถหาได้ในหลายรูปแบบ โดยมีปริมาณของสารออกฤทธิ์แตกต่างกันไปในแต่ละผลิตภัณฑ์



ความเสี่ยงและอาการข้างเคียง


โดยทั่วไป รูตินถือว่า ปลอดภัยเมื่อรับประทานในปริมาณที่แนะนํา มีรายงานผลข้างเคียงของรูตินเพียงเล็กน้อย เช่น อาการปวดหัว, ผื่นแดง, ปวดท้องและมวนท้อง ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มรับประทานอาหารเสริมชนิดใหม่ ควรปรึกษากับผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้ยาตามใบสั่งแพทย์อยู่แล้ว.


นอกจากนี้อาจจะมีอาการระคายเคืองตาและระบบทางเดินหายใจและอาการไม่พึงประสงค์ทางผิวหนังได้


รูตินไม่แนะนําสําหรับสตรีที่กําลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะมั่นใจว่าปลอดภัย





#drbunlue #NMP #NMN #NAD #ChapaGroupAndMadePhuwiang #ย้อนวัยไปกับ_drbunlue #antiaging #ชะลอวัย #สุขภาพดี #tiktokสุขภาพ #ลืมป่วย #healthy #healthycare #healthyfood #ดูแลสุขภาพ #มณีแดง #RedGem #Quercetin #เคอร์เซติน #เควอซิทิน #Rutin

Comments


bottom of page